คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 299/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อฟ้องโจทก์อาศัยสัญญาเช่าที่ทำกันใหม่ซึ่งมีข้อความบ่งชัดว่า’ผู้เช่าช่วงจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าเป็นหนังสือก่อนจึงจะให้เช่าช่วงได้’ดังนี้ แม้เจ้าของที่ดินเดิมจะได้ยินยอมให้จำเลยให้คนอื่นเช่าช่วงห้องของจำเลยที่ปลูกในที่ดินนั้นแล้วที่ดินจึงได้โอนมายังโจทก์ก็ตามจำเลยก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาใหม่ที่ทำไว้กับโจทก์เมื่อไม่ได้รับอนุญาตในเรื่องเช่าช่วงจึงถือว่าจำเลยผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
วัตถุประสงค์ของสัญญาดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายและไม่เกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยของประชาชน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินโจทก์เพื่อปลูกสร้างเป็นร้านค้า3 ห้อง ให้ผู้อื่นเช่าช่วง 2 ห้อง ผิดสัญญาเช่าข้อ 3 จำเลยทำการค้าเอง 1 ห้อง ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารกับรื้อห้องแถว3 ห้องออกไป ฯลฯ

จำเลยต่อสู้ว่าได้เช่าที่ดินจากเจ้าของเดิม ๆ ยินยอมให้จำเลยให้คนอื่นเช่าอยู่อาศัย 2 ห้อง โจทก์ก็ทราบ เมื่อที่ดินโอนมาเป็นของโจทก์ ๆ ย่อมต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ จำเลยและผู้เช่าช่วงได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ

ศาลล่างทั้งสองพิจารณาต้องกัน พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารกับให้รื้อถอนห้องแถวรายพิพาทรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์ ฯลฯ

จำเลยฎีกา ศาลฎีกาสั่งรับฎีกาจำเลยเฉพาะในข้อกฎหมาย ข้อ 5(1)และ (3)

ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์ได้อาศัยสัญญาหมาย จ.3 เป็นหลักซึ่งบ่งชัดว่า “ผู้เช่าช่วงจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าเป็นหนังสือก่อน จึงจะให้เช่าช่วงได้” ดังนี้ หากว่ามีผู้ใดเช่าช่วงอยู่ก่อนทำสัญญาแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะได้รับอนุญาตจากโจทก์หรือระบุบ่งไว้ให้ชัดแจ้งในข้อสัญญา เมื่อจำเลยไม่ได้บอกโจทก์จึงผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้

สัญญาเช่าหมาย จ.3 เป็นสัญญาเช่าที่ดินปลูกสร้างโรงเรือนเป็นวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย และไม่เกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่ตกเป็นโมฆะ พิพากษายืน

Share