แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์มีพยานขณะจับกุม 2 ปาก คือ ร้อยตำรวจเอก ส. และจ่าสิบตำรวจ ร. พยานทั้งสองเบิกความแต่เพียงว่าได้ทราบจากสายลับว่าจำเลยจะนำเมทแอมเฟตามีนจากหมู่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย เพื่อนำไปส่งที่ภาคกลางเท่านั้น ไม่มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการนำเมทแอมเฟตามีนจากนอกราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักร ดังนั้น ตามบันทึกการจับกุมพยานทั้งสองจึงแจ้งข้อหาแก่จำเลย เพียงว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยเพิ่งถูกตั้งข้อหาในชั้นสอบสวนว่าจำเลยนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย โดยอาศัยข้อเท็จจริงจากคำบอกเล่าของจำเลยในชั้นจับกุม โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดอีก คำรับของจำเลยในชั้นจับกุมหรือชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานบอกเล่าเท่านั้นมีน้ำหนักน้อย ต้องมีพยานหลักฐานอื่นประกอบจึงจะมีน้ำหนักรับฟังเพื่อลงโทษจำเลยได้ ทั้งการกระทำความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายมีโทษสถานเดียวคือประหารชีวิต แม้ในกรณีที่จำเลยให้การรับสารภาพต่อศาล โจทก์ก็ยังต้องสืบพยานจนกว่าศาลจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่งเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธและโจทก์ไม่มีพยานแวดล้อมกรณีอื่น คงมีแต่คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนซึ่งยังมีข้อโต้เถียงว่าจำเลยได้ให้การด้วยความสมัครใจหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังลงโทษจำเลยในความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้าในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างต้นปี 2536 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2541จำเลยที่ 2 เป็นคนต่างด้าวเชื้อชาติไทยใหญ่ สัญชาติพม่า เป็นผู้ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารเดินทางที่ใช้แทนหนังสือเดินทางอันถูกต้องสมบูรณ์ได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยที่บริเวณตำบลแม่สาย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ช่องทางที่จำเลยที่ 2 เข้ามาเป็นช่องทางอื่นซึ่งมิใช่เป็นช่องทางหรือด่านตรวจคนเข้าเมืองที่อนุญาตให้คนต่างด้าวเข้าหรืออกนอกราชอาณาจักรได้ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย หลังจากนั้นตลอดมาจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2541 จำเลยที่ 2 อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และวันที่ 28กุมภาพันธ์ 2541 จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันนำเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 6,000 เม็ด น้ำหนัก 587.54 กรัมคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนัก 179.91 กรัม เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และจำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยทั้งสี่ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8,15, 65, 66, 102 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 11,12, 13, 18, 54, 62, 81 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 83 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ปฏิเสธข้อหาอื่น
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง,65 วรรคสอง, 66 วรรคสอง ข้อหานำเมทแอมเฟตามีนเข้าในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายและข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นความผิดกรรมเดียว ให้ลงโทษข้อหานำเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นความผิดกรรมเดียว ให้ลงโทษข้อหานำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ประหารชีวิตจำเลยที่ 1และที่ 2 คำให้การของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนและจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(1) คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1และที่ 2 ตลอดชีวิต ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 และที่ 4 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองด้วยและขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 และที่ 4 ตามฟ้อง จำเลยที่ 2อุทธรณ์ขอให้ลดโทษกึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 25 ปีถึง 50 ปี ส่วนจำเลยที่ 1ไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนคดีสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2ที่พิพากษาให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 5 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83ลงโทษประหารชีวิต จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การและนำสืบรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 52(2) คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีกำหนดคนละ 25 ปี ข้อหาอื่นให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ข้อหานำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้นำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายด้วยหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มีพยานขณะจับกุม 2 ปาก คือร้อยตำรวจเอกสุภาพ สุวรรณชัย และจ่าสิบตำรวจรุ่ง จันทร์จิต พยานทั้งสองเบิกความแต่เพียงว่า ได้ทราบจากสายลับว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2จะนำเมทแอมเฟตามีนจากหมู่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อนำไปส่งที่ภาคกลางเท่านั้น ไม่มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการนำเมทแอมเฟตามีนจากนอกราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักรดังนั้นตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.1 พยานทั้งสองจึงแจ้งข้อหาแก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 เพียงว่า มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 1 และที่ 2 เพิ่งถูกตั้งข้อหาในชั้นสอบสวนว่าจำเลยที่ 1และที่ 2 นำเมทแอมเฟตามีน เข้าในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย โดยอาศัยข้อเท็จจริงจากคำบอกเล่าของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในชั้นจับกุมโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดอีก คำรับของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในชั้นจับกุมหรือชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานบอกเล่าเท่านั้น มีน้ำหนักน้อยต้องมีพยานหลักฐานอื่นประกอบจึงจะมีน้ำหนักรับฟังเพื่อลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ทั้งการกระทำความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายมีโทษสถานเดียวคือประหารชีวิตแม้ในกรณีที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพต่อศาล โจทก์ก็ยังต้องสืบพยานจนกว่าศาลจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่งเมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การปฏิเสธและโจทก์ไม่มีพยานแวดล้อมกรณีอื่นคงมีแต่คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ซึ่งยังมีข้อโต้เถียงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ให้การด้วยความสมัครใจหรือไม่ พยานหลักฐานของโจทก์จึงรับฟังลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันนำเมทแอมเฟตามีน เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน