คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1638/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์ของจำเลยโดยได้ไต่สวนพยานหลักฐานของโจทก์แล้ว จำเลยจะร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นว่าพยานหลักฐานไม่พอที่จะออกคำสั่งเช่นนั้นไม่ได้ ได้แต่ร้องขอให้ถอนการอายัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 261 ซึ่งจะต้องแสดงเหตุให้ศาลเห็นว่าไม่สมควรใช้วิธีการที่กำหนดไว้นั้นต่อไป หรือสมควรแก้ไขวิธีการนั้น
ถ้าตามรูปคดีและพฤติการณ์มีทางน่ากลัวว่าจำเลยอาจโอนทรัพย์ไปเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ ก็เป็นเหตุให้ศาลสั่งยึดหรืออายัดตามมาตรา 255(2)(ข) ได้แล้ว

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ในฐานะผู้ชำระบัญชีบริษัทเหล้าไทยนครนายก จำกัดฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภริยาและผู้รับมรดกของนายไถ่ชวน แซ่เซียวกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้ร่วมกันรับผิดใช้เงิน 4 ล้านกว่าบาทให้บริษัทเหล้าไทยนครนายก โดยกล่าวหาว่านายไถ่ซวนเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตร่วมกับจำเลยที่ 2, 3 ทำให้บริษัทขาดทุนและได้รับความเสียหายขาดเงินที่ควรได้เป็นกำไรของผู้ถือหุ้น ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงินจำนวนนี้พร้อมด้วยดอกเบี้ย

ก่อนจำเลยยื่นคำให้การ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งอายัดการโอนขายหุ้นของจำเลยที่ 1, 2 ในบริษัทต่าง ๆ ไว้ก่อนคำพิพากษาโดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 กำลังจะแบ่งปันและโอนทรัพย์มรดกของนายไถ่ซวนซึ่งมีหุ้นในบริษัทต่าง ๆ 11 บริษัท ราคาสามแสนกว่าบาทหุ้นเหล่านี้โอนขายโดยง่าย เมื่อโอนไปแล้วย่อมเป็นการขัดขวางในการที่จะบังคับเอาแก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 กำลังจะโอนขายให้บุคคลอื่น

ศาลแพ่งไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า ตามทางไต่สวนได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยตั้งใจจะโอนและขายทรัพย์สินของตน จึงให้อายัดหุ้นของจำเลยตามขอ

จำเลยที่ 1, 2 ยื่นคำร้อง (ต่อศาลชั้นต้น) ขอให้ถอนการอายัดโดยอ้างว่าพยานที่โจทก์นำสืบไม่ได้ยืนยันว่าจำเลยได้กระทำประการใดซึ่งจะแสดงว่าจำเลยตั้งใจจะโอนหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ซึ่งจะเข้ามาตรา 255(2)(ก) ไม่เป็นหลักฐานเพียงพอให้อายัดหุ้น ทั้งไม่มีเหตุอื่นใดในการขออายัด และเหตุผลที่โจทก์กล่าวอ้างยังไม่ถึงขนาดที่ให้ศาลมีคำสั่งอายัดหุ้นของจำเลย การที่จำเลยถูกอายัดทรัพย์ย่อมเป็นการเสียเกียรติยศของผู้ถูกยึดและอายัด

ศาลแพ่งไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า จากคำพยานโจทก์จำเลยปรากฏว่านายไถ่ซวนและจำเลยที่ 2 ไม่มีทรัพย์สินมากพอที่โจทก์จะได้เงินตามฟ้องถ้าชนะคดี และทรัพย์ที่จำเลยที่ 1, 2 มีส่วนมาก คือหุ้นซึ่งไม่มีอะไรเป็นประกันว่าจะไม่ถูกโอนไปในระหว่างคดีถ้าไม่อายัดไว้ คำร้องและพยานหลักฐานของจำเลยยังไม่มีเหตุผลพอที่จะสั่งถอนคำสั่งอายัด ให้ยกคำร้องจำเลย

จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า

1. เรื่องนี้ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้อายัดโดยได้ไต่สวนพยานหลักฐานของโจทก์แล้ว จำเลยจะร้องคัดค้านว่าพยานหลักฐานไม่พอที่จะออกคำสั่งเช่นนั้นไม่ได้ ได้แต่ร้องขอให้ถอนการอายัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 261 ซึ่งผู้ร้องจะต้องแสดงเหตุให้ศาลเห็นว่าไม่สมควรใช้วิธีการที่กำหนดไว้นั้นต่อไปหรือสมควรแก้ไข แต่จำเลยไม่ได้แสดงเหตุให้เห็นเลยว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีมูลที่จะชนะคดี หรือจำเลยยังมีทางชำระหนี้ได้หากแพ้คดีซึ่งจะเป็นเหตุให้ศาลเห็นว่าการสั่งอายัดหุ้นของจำเลยไม่มีเหตุเพียงพอที่จะต้องกระทำต่อไป

2. ที่จำเลยฎีกาว่า ไม่มีวิสัยในคดีหรือไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อายัดทรัพย์ของจำเลยเพียงแต่ (เพราะเหตุที่จำเลย) มีทรัพย์ไม่พอกับที่โจทก์ฟ้องนั้น เห็นว่า หากตามรูปคดีและพฤติการณ์มีทางน่ากลัวว่าจำเลยอาจโอนทรัพย์ไปเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ก็เป็นเหตุให้ศาลสั่งยึดหรืออายัดได้ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 255(2)(ข) ให้อำนาจไว้

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้อง (ขอให้ถอนการอายัด)ของจำเลย ชอบแล้ว พิพากษายืน

Share