คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1463/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัทจำเลยมี ง.กับล.เป็นกรรมการอำนวยการย. เป็นรองผู้จัดการและเหรัญญิก ง. ติดต่อขอยืมเงินจากโจทก์โดยอ้างว่าบริษัทจำเลยต้องการเงิน โจทก์นำเงินที่จะให้ยืมมาพบกับ ง. ที่สำนักงานบริษัทจำเลย และขอให้ ง.ออกเช็คให้เพื่อเป็นการชำระหนี้เงินยืมนี้ง.บอกให้รอย. เมื่อย. มาแล้วย.ก็เอาเช็คที่ผู้อื่นออกให้แก่ผู้ถือมาประทับตราบริษัทจำเลยและเซ็นชื่อย. เองมอบให้โจทก์ โจทก์จึงมอบเงินยืมให้แก่ ย. ดังนี้ เมื่อตามข้อบังคับของบริษัทปรากฏว่า ง. โดยลำพังก็มีอำนาจลงลายมือชื่อเป็นสำคัญแทนบริษัทจำเลยได้โดยต้องประทับตราของบริษัทไว้ด้วย แสดงว่า ง. มีอำนาจกระทำการในฐานะผู้แทนโดยชอบของบริษัทจำเลยได้โดยลำพัง การที่ ง.ติดต่อยืมเงินและรู้เห็นในการที่ ย. เซ็นชื่อสลักหลังเช็คและประทับตราของบริษัทจำเลยนั้น ย่อมต้องถือว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ติดต่อยืมเงินและรู้เห็นเองด้วยจึงต้องถือว่าบริษัทจำเลยเชิด ย. ออกแสดงเป็นตัวแทนในการสลักหลังเช็ครายนี้ให้แก่โจทก์
ผู้แทนและเจ้าหน้าที่ของบริษัทอาศัยตำแหน่งหน้าที่แอบอ้างชื่อของบริษัทหาประโยชน์ใส่ตัว ถ้าบุคคลภายนอกมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยแล้ว บริษัทก็จะอ้างเอาการที่ผู้แทนของตนกระทำทุจริตมาบอกปัดความรับผิดต่อบุคคลภายนอกหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายเยานาน แซ่เลี่ยว สลักหลังเช็คด้วยการลงชื่อประทับตราประจำของจำเลยส่งมอบให้แก่โจทก์ที่สำนักงานของจำเลยเป็นเช็คซึ่งห้างหุ้นส่วนจินตนาวาณิชย์สั่งให้ธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด จ่ายเงินให้แก่ผู้ถือ 100,000 บาท โจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คได้เรียกเก็บเงินจากธนาคาร แต่ไม่ได้เงิน เพราะในบัญชีของผู้สั่งจ่ายไม่มีเงินพอ โจทก์ทวงถามห้างหุ้นส่วนจินตนาวาณิชย์และจำเลยผู้สั่งจ่ายเวลานี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวไม่ยอมรับหนังสือส่วนจำเลยแจ้งว่าไม่เคยสลักหลังเช็ค ไม่ยอมรับผิด ในเวลาที่โจทก์รับสลักหลังเช็คใบนี้จำเลยเชิดนายเยานานให้ประจักษ์แก่โจทก์ว่านายเยานานมีอำนาจเซ็นชื่อและประทับตราของจำเลยให้เป็นการกระทำแทนและในนามของจำเลยได้ หรือมิฉะนั้นจำเลยรู้แล้วยังยอมให้นายเยานานเชิดตัวเองเป็นตัวแทนของจำเลย โจทก์รับเช็คไว้โดยสุจริตจำเลยต้องรับผิดใช้เงินตามเช็ค กับดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีรวมเป็นเงิน 101,250 บาท และดอกเบี้ยนับจากวันฟ้องด้วย

จำเลยให้การว่า นายเยานานไม่มีอำนาจลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คในนามจำเลยจำเลยไม่เคยทราบถึงการที่มีดวงตราของจำเลยไปประทับหลังเช็ค จำเลยไม่ได้เชิดหรือยอมให้นายเยานานเชิดตัวเองเป็นตัวแทนของจำเลย จำเลยไม่ต้องรับผิด เพราะไม่ใช่ผู้สลักหลังเช็ค

ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า บริษัทจำเลยมีสำนักงานอยู่ที่ตรอกตั้งโต๊ะกังตามที่จดทะเบียนไว้ผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัทจำเลย คือนายลีชิงไยกับนายง่วนเช็ง แซ่เลี้ยว กรรมการอำนวยการ คนใดคนหนึ่งนอกจากกรรมการอำนวยการแล้วต้องเป็นกรรมการอื่น 2 นายรวมกันจึงจะมีอำนาจลงนามแทนบริษัทจำเลยได้ แต่ทั้ง 2 กรณีนี้จะต้องประทับตราของบริษัทจำเลยด้วย นายเยานานซึ่งเป็นบุตรของนายช่วงเช็งเป็นรองผู้จัดการและเหรัญญิก เหรัญญิกมีหน้าที่เก็บรักษาเงินสด ถือกุญแจเซฟ ถือดวงตราสำคัญ และเช็คของบริษัท นายง่วนเช็งกับนายเยานานนี้เป็นหุ้นส่วนอยู่ในห้างหุ้นส่วนจำกัดจินตนาวาณิชย์อีกด้วย โจทก์เป็นเพื่อนกับนายง่วนเช็ง นายง่วนเช็งโทรศัพท์บอกโจทก์ว่าบริษัทจำเลยขาดเงิน ต้องการเงินแสนบาทไปชำระค่าฝ้าย โจทก์ตอบว่ายังไม่มีนายเยานานไปหาโจทก์พูดขอให้ช่วยอีก โจทก์ให้รอสัก 3-4 วัน ครั้นโจทก์ได้เงินพอ นายง่วนเช็งก็โทรศัพท์ถามโจทก์ โจทก์ตอบว่ามีเงินแล้ว นายง่วนเช็งจึงให้นายเยานานไปรับเงินจากโจทก์ นายเยานานเอาเช็คของห้างหุ้นส่วนจินตนาวาณิชย์สั่งจ่ายเงินหนึ่งแสนบาทแก่ผู้ถือให้โจทก์ โดยอ้างว่าเช็คของบริษัทจำเลยหมด โจทก์ว่าไม่ได้นายเยานานก็ว่าจะสลักหลังเช็คและประทับตราบริษัทจำเลยให้ได้หรือไม่โจทก์ว่าได้ นายเยานานจึงขอให้โจทก์ไปที่บริษัทจำเลย โจทก์ไปถึงพบนายง่วนเช็ง ได้ขอให้นายง่วนเช็งออกเช็คให้ นายง่วนเช็งขอให้รอนายเยานาน เมื่อนายเยานานมาถึงก็ไปไขเซฟหยิบตรามาประทับหลังเช็คของห้างหุ้นส่วนจินตนาวาณิชย์และเซ็นชื่อโจทก์มอบเงิน 98,000 บาท ให้นายเยานานโดยหักดอกเบี้ยไว้แล้ว ต่อมาโจทก์นำเช็คไปเข้าบัญชี ธนาคารคืนเช็คแจ้งว่าไม่มีเงิน โจทก์โทรศัพท์ถึงนายง่วนเช็งกับนายเยานานที่บริษัทจำเลยให้นำเงินไปชำระ คนทั้งสองก็ไม่อยู่โจทก์ไปหาก็ไม่พบ ต่อจากนั้นคนทั้งสองก็หลบหนีออกนอกประเทศและห้างหุ้นส่วนจินตนาวาณิชย์ก็ถูกฟ้องล้มละลาย

เห็นว่า เมื่อนายง่วนเช็งเป็นผู้ยืมเงินโจทก์และรู้เห็นในการที่นายเยานานสลักหลังเช็คประทับตราบริษัทจำเลยให้แก่โจทก์และตามข้อบังคับของบริษัทก็ปรากฏว่านายง่วนเช็งโดยลำพังก็มีอำนาจลงลายมือชื่อเป็นสำคัญแทนบริษัทได้โดยต้องประทับดวงตราสำคัญของบริษัทไว้ด้วย แสดงว่านายช่วนเช็งโดยลำพังก็มีอำนาจกระทำการในฐานะผู้แทนโดยชอบของบริษัทจำเลยแล้ว ดังนั้น การที่นายง่วนเช็งติดต่อยืมเงินโจทก์ก็ดี รู้เห็นในการที่นายเยานานลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คและประทับตราของบริษัทจำเลยก็ดี ย่อมต้องถือว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ติดต่อยืมเงินและรู้เห็นเองด้วย จึงต้องถือว่าบริษัทจำเลยเชิดนายเยานานออกแสดงเป็นตัวแทนในการสลักหลังเช็ครายพิพาทให้แก่โจทก์

แม้จะมีทางให้คิดว่านายง่วนเช็งกับนายเยานานกระทำการทุจริตต่อบริษัทจำเลย โดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่แอบอ้างชื่อบริษัทจำเลยหาประโยชน์ใส่ตัว แต่ถ้าบุคคลภายนอกเช่นโจทก์นี้มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยแล้ว บริษัทจำเลยก็จะอ้างเอาการที่ผู้แทนของตนกระทำทุจริตมาบอกปัดความรับผิดหาได้ไม่

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share