แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องทุกข์ไปยังผู้บังคับบัญชาของโจทก์กล่าวหาว่าโจทก์กลั่นแกล้งให้จำเลยได้รับความเดือดร้อน โดยบรรยายรายละเอียดด้วยว่าโจทก์กระทำอย่างใดต่อจำเลยบ้าง แล้วขอให้สั่งสอบสวนพฤติการณ์ที่โจทก์กระทำต่อจำเลยนั้น ดังนี้ เมื่อได้ความว่าพฤติการณ์ตามที่จำเลยร้องเรียนไปนั้นเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นแก่จำเลยจริงจำเลยกล่าวไปโดยไม่มีข้อความที่ผิดกฎหมายหรือฝ่าฝืนความจริง แม้ผลของการสอบสวนโจทก์จะปรากฏว่าโจทก์ได้กระทำการไปตามหน้าที่ราชการแล้ว โจทก์ก็จะอ้างว่าคำร้องของจำเลยที่ว่าโจทก์กลั่นแกล้งนั้นเป็นการฝ่าฝืนต่อความจริงหาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยจงใจกระทำให้โจทก์เสียหายแก่ชื่อเสียงและเกียรติยศ ขอให้บังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและให้โฆษณาคำขอขมา จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิด
ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยเป็นคนเชื้อชาติจีน สัญชาติจีนเมื่อ พ.ศ. 2492 จำเลยได้เอาตึกแลกเปลี่ยนกับที่ดินของนายลิ้มโดยขออนุญาตต่อทางราชการ นายอำเภออนุญาตและทำนิติกรรมสัญญาแลกเปลี่ยนและจดทะเบียน ณ อำเภอ ต่อมาจำเลยได้แจ้งการครอบครองที่ดินนี้ และทางอำเภอรับแจ้งไว้แล้ว จำเลยได้รับใบสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนที่ดินจากนายอำเภอใน พ.ศ. 2498 และในปีนั้นเอง จำเลยได้นำช่างแผนที่ทำการรังวัดที่ดินแปลงนี้เพื่อขอรับโฉนด ต่อมา พ.ศ. 2503จำเลยไปขอรับโฉนดที่ดินจากโจทก์ผู้เป็นเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด โจทก์ตรวจหลักฐานแล้วเห็นว่าจำเลยเป็นคนต่างด้าวจึงไม่ออกโฉนดให้ ต่อมาจำเลยก็ถูกจับหาว่าเป็นคนต่างด้าวมีที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยจึงยื่นคำร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมไปยังอธิบดีกรมที่ดิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายกรัฐมนตรีโจทก์ถูกสอบสวน แต่ได้ความว่าโจทก์กระทำการไปตามหน้าที่ ไม่ได้กลั่นแกล้งจำเลย โจทก์จึงฟ้องคดีนี้หาว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์
ศาลชั้นต้นฟังด้วยว่า การที่จำเลยร้องเรียนไปนั้น ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงและเกียรติคุณ จึงพิพากษาให้จำเลยประกาศขอขมาและใช้ค่าเสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ปัญหานี้ควรปรับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 และวินิจฉัยว่า การที่จำเลยร้องเรียนไปนั้นไม่เป็นข้อความที่ฝ่าฝืนความจริงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าโจทก์เสียหายหรือไม่ พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำร้องทุกข์ของจำเลยมีใจความสำคัญว่าโจทก์กลั่นแกล้งให้จำเลยได้รับความเดือดร้อน โดยโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยครอบครองที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และแจ้งความให้จับกุมจำเลยเพื่อดำเนินคดีทางอาญา และว่าจะมีราษฎรผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์จะต้องพลอยประสบชะตากรรมเยี่ยงจำเลยอีกเป็นแน่ ขอให้สั่งสอบสวนพฤติการณ์ที่โจทก์กระทำกับจำเลยดังกราบเรียนมาข้างต้นด้วยศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณานั้น เป็นเหตุให้จำเลยเชื่อโดยสุจริตใจว่าจำเลยได้เป็นเจ้าของที่ดินอย่างแท้จริงและมีสิทธิที่จะได้รับโฉนดจากโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ยอมออกโฉนดให้จำเลยจึงร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม และการที่ร้องเรียนนั้นเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับจำเลยจริง ๆ จำเลยไม่ได้บิดเบือนเอาความไม่จริงมากล่าวหรือแกล้งใส่ร้ายโจทก์ จำเลยกล่าวไปโดยไม่มีข้อความที่ผิดกฎหมายหรือฝ่าฝืนความจริง อันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของโจทก์แต่อย่างใด จำเลยจึงไม่ได้ละเมิดและไม่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์ฎีกาว่าเมื่อโจทก์ถูกสอบสวนแล้วผลปรากฏว่าโจทก์ได้กระทำไปตามหน้าที่ราชการแล้ว คำร้องของจำเลยที่ว่าโจทก์กลั่นแกล้งจึงเป็นการฝ่าฝืนต่อความจริง จำเลยจึงเป็นผู้ละเมิดนั้น ฟังไม่ได้ พิพากษายืน