แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ใดมีชื่อในโฉนดที่ดิน ย่อมสันนิษฐานในเบื้องต้นว่ามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นจนกว่าจะถูกพิสูจน์หักล้างเสีย
มัสยิดที่ยังมิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ย่อมไม่อยู่ในฐานะรับอุทิศทรัพย์สินที่มีผู้จะอุทิศให้
(อ้างฎีกาที่ 792/2497)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยักยอก ขอให้ลงโทษประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352, 353, 83, 90
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1-2 มีชื่อในโฉนดนั้นย่อมสันนิษฐานในเบื้องต้นว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1-2 จนกว่าผู้ที่กล่าวอ้างว่าตนมีกรรมสิทธิ์ดีกว่าจะได้พิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานนี้ได้ ข้อเท็จจริงยุติแล้วว่า จำเลยที่ 1-2 เคยอุทิศที่ดินแปลงนี้ให้แก่มัสยิดดุสลาม การอุทิศไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เพราะมัสยิดดุสลามไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในขณะนั้น ไม่อยู่ในฐานะรับอุทิศได้ตามกฎหมายดังที่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วในคำพิพากษาฎีกาที่ 792/2497 จึงต้องฟังว่ากรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินแปลงนี้ยังเป็นของจำเลยที่ 1-2 อยู่
ส่วนข้อที่ขอให้วินิจฉัยว่า มัสยิดดุสลามมีอำนาจฟ้องหรือไม่ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะเมื่อฟังว่ากรรมสิทธิ์ยังเป็นของจำเลยที่ 1-2 คดีไม่มีทางลงโทษจำเลยได้
พิพากษายืน