คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีที่ผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล แม้ภายหลังเจ้าของอันแท้จริงพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาสิทธิของผู้ซื้อก็มิเสียไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1330 กรณีเช่นนี้เจ้าของอันแท้จริงจะอ้างมาตรา 1332ขอบังคับให้ผู้ซื้อคืนทรัพย์ที่ซื้อนั้นโดยเจ้าของจะชดใช้ราคาตามที่ซื้อมาหาได้ไม่

ย่อยาว

สำนวนแรก โจทก์ฟ้องว่าทรัพย์ที่จำเลยซื้อได้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลเป็นของโจทก์ไม่ใช่เป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาจำเลยซื้อไว้โดยไม่สุจริต ขอให้ศาลบังคับจำเลยรับเงินชดใช้ราคาที่ดินตามราคาที่ซื้อมา และคืนที่ดินของโจทก์ให้แก่โจทก์

สำนวนหลัง โจทก์ฟ้องว่าการขายทอดตลาดทรัพย์ของโจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา รวมทั้งของโจทก์ในสำนวนแรก เป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบเป็นโมฆะ ขอให้ศาลเพิกถอนการขาย

จำเลยทั้งสองสำนวนให้การสู้คดี

ศาลชั้นต้นฟังว่าทรัพย์ที่ถูกยึดและขายทอดตลาดทั้งสองคดีเป็นของนายกล่ำลูกหนี้ตามคำพิพากษาผู้เดียว การยึดและขายทอดตลาดเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้องทั้งสองสำนวน

โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ที่พิพาทในสำนวนแรกเป็นของโจทก์ตามฟ้องไม่ใช่ของนายกล่ำลูกหนี้ตามคำพิพากษา แต่ได้พลอยถูกยึดขายทอดตลาดไปด้วย แต่การขายทอดตลาดยังฟังไม่ได้ว่าเป็นไปโดยไม่สุจริตผู้ซื้อได้โดยสุจริตจึงมิเสียสิทธิแม้ทรัพย์นั้นจะมิใช่เป็นของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอชำระราคาทรัพย์เพื่อรับทรัพย์นั้นคืน พิพากษายืน

โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า การขายทอดตลาดเป็นไปโดยสุจริต และวินิจฉัยว่าที่โจทก์อ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 ขอชดใช้ราคาเงินแก่ผู้ซื้อ เพื่อได้คืนทรัพย์ที่ขายทอดตลาดนั้น เห็นว่า มาตรานี้ใช้สำหรับการขายทอดตลาดหรือขายในท้องตลาดธรรมดา แต่คดีนี้การขายทอดตลาดทรัพย์ของผู้แพ้คดีได้กระทำไปโดยเจ้าพนักงานตามคำสั่งศาลเมื่อฟังว่าผู้ซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลนี้โดยสุจริตดังกล่าวแล้ว สิทธิของผู้ซื้อก็มิเสียไป ถึงแม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่ของจำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 เจ้าของทรัพย์อันแท้จริงจะยกบทบัญญัติตามมาตรา 1332 มาใช้บังคับแก่กรณีนี้ย่อมไม่ได้

พิพากษายืน

Share