แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ใช้วิธีคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาตามที่โจทก์ร้องขอต่อศาลชั้นต้น เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติหรือดำเนินการก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี ส่วนการทุเลาการบังคับจะต้องเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดประเด็นแห่งคดีแล้ว คู่ความได้ขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้ยังไม่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลนั้นไว้ก่อน คำว่า “คำสั่งของศาลชั้นต้น”ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 231 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น ย่อมหมายถึงคำสั่งของศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีมิได้หมายถึงคำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับวิธีคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้พิพากษาว่า ทางพิพาทในที่ดินโฉนดเลขที่ 11487 ของจำเลยทั้งสองกว้างประมาณ 5 วา ยาวประมาณ 160 วา จนติดทางสาธารณประโยชน์ทางทิศตะวันตกของที่ดินโฉนดเลขที่ 11487 ตามแผนที่สังเขปเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 6เฉพาะส่วนที่ระบายด้วยสีส้ม เป็นทางภารจำยอมหรือเป็นทางจำเป็นของที่ดินโฉนดเลขที่ 1518, 11486 ของโจทก์ทั้งสอง ให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนทางภารจำยอมหรือทางจำเป็นต่อเจ้าพนักงานที่ดินหากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ให้จำเลยทั้งสองทำทางหรือเปิดทางพิพาทให้ใช้ได้ในสภาพเดิมด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งสอง ห้ามจำเลยทั้งสองปิดกั้นทำลายทางพิพาทหรือทำให้ทางพิพาทเปลี่ยนแปลงสภาพอีกต่อไป ให้พิพากษาว่าทางน้ำหรือร่องน้ำในที่ดินโฉนดเลขที่ 11485 ของจำเลยที่ 1 กว้างประมาณ 4 เมตรยาวประมาณ 180 เมตร ตามแผนที่สังเขปเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 6ในส่วนที่ระบายด้วยสีม่วง เป็นภารจำยอมของที่ดินโฉนดเลขที่ 1518, 11486 ของโจทก์ทั้งสอง ให้พิพากษาว่า ทางน้ำหรือร่องน้ำในที่ดินโฉนดเลขที่ 11375 ของจำเลยทั้งสอง กว้างประมาณ 2 เมตร ยาวตลอดที่ดินโฉนดเลขที่ 11375 ตามแผนที่พิพาทเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 6 ในส่วนที่ระบายด้วยสีเขียว เป็นภารจำยอมของที่ดินโฉนดเลขที่ 1518, 11486ของโจทก์ทั้งสอง ให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนภารจำยอมต่อเจ้าพนักงานที่ดิน หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง ให้จำเลยทั้งสองทำทางน้ำในที่ดินโฉนดเลขที่ 11485 ให้อยู่ในสภาพเดิมด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งสอง ห้ามมิให้จำเลยทั้งสองปิดกั้นทำลายทำให้ตื้นเขินในทางน้ำหรือร่องน้ำดังกล่าว หรือขัดขวางไม่ให้โจทก์ทั้งสองใช้ทางน้ำทั้งหมดดังกล่าวให้จำเลยทั้งสองยินยอมให้โจทก์ทั้งสองวางท่อน้ำหรือท่อระบายน้ำจากทางน้ำในที่ดินโฉนดเลขที่ 11485, 11357 ตามแผนที่สังเขปเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 6ส่วนที่ระบายด้วยสีม่วงและสีเขียวเข้าไปยังที่ดินโฉนดเลขที่ 11486, 1518ของโจทก์ทั้งสอง โดยให้จำเลยทั้งสองรับเงินค่าทดแทนจำนวน 10,000 บาทจากโจทก์ทั้งสอง พร้อมยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามมิให้จำเลยทั้งสองปิดกั้นทำลายหรือห้ามมิให้โจทก์ทั้งสองใช้ทางพิพาท และให้จำเลยทั้งสองทำทางพิพาทให้มีสภาพเดิมกว้างประมาณ 5 วา ยาวประมาณ 160 วา ตามแผนที่เอกสารหมาย จ.6
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งคำร้องที่จำเลยทั้งสองขอทุเลาการบังคับนั้นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษากรณีไม่อาจทุเลาการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 231 ได้ ให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในชั้นนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวของโจทก์ทั้งสอง ให้จำเลยทั้งสองต้องปฏิบัติหรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว จำเลยทั้งสองจะยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยทั้งสองไม่ต้องปฏิบัติหรือดำเนินการตามคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้น โดยถือว่าเป็นการขอทุเลาการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 ได้หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ใช้วิธีคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาตามที่โจทก์ทั้งสองร้องขอต่อศาลชั้นต้นนั้น เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติหรือดำเนินการก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี ส่วนการทุเลาการบังคับนั้น จะต้องเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดประเด็นแห่งคดีแล้วคู่ความได้ขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้ยังไม่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลนั้นไว้ก่อนคำว่า “คำสั่งของศาลชั้นต้น” ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 231แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น ย่อมหมายถึงคำสั่งของศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดี มิได้หมายถึงคำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับวิธีคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาดังที่จำเลยทั้งสองฎีกาขึ้นมาไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งในเรื่องนี้ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน