คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7864/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ว่าศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลพ.ศ. 2482 มาตรา 25 หรือมาตรา 58 ประกอบพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2542 มาตรา 25 วรรคหนึ่ง ย่อมเป็นที่สุด คู่ความไม่สามารถอุทธรณ์ฎีกาได้ การที่ผู้ร้องอุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาและสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ร้องเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบานา ผู้คัดค้านเคยถูกศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 8 ปี ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 24 กันยายน2542 แต่ผู้คัดค้านได้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบานาเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2542 ซึ่งยังไม่พ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจึงไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบานาจึงเป็นไปโดยมิชอบ ขอให้มีคำสั่งว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งโดยมิชอบ

ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า การสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 มิได้ห้ามบุคคลที่อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งโดยคำพิพากษาสมัครรับเลือกตั้งแต่อย่างใด การยื่นคำร้องคัดค้านโดยอ้างว่าผู้คัดค้านขาดคุณสมบัตินั้น ต้องยื่นคำร้องต่อศาลก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 20 วัน เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลหลังจากมีการเลือกตั้งแล้วจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้อง ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลภายหลังวันเลือกตั้งจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องพิพากษายกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า “เห็นสมควรวินิจฉัยเสียก่อนว่าผู้ร้องมีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2542 มาตรา 25 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ในระหว่างที่ไม่มีกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ให้นำกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลมาใช้บังคับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโดยอนุโลม…” และตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 มาตรา 25 วรรคสอง บัญญัติว่า”เมื่อศาลได้รับคำร้องแล้ว ให้ดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและวินิจฉัยมีคำสั่งให้ถอนใบสมัครหรือไม่โดยเร็วคำสั่งของศาลนั้นให้เป็นที่สุด…” และมาตรา 58 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า”เมื่อศาลได้รับคำร้องคัดค้านแล้ว ให้ดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยเร็วโดยให้เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งหรือผู้ได้รับเลือกตั้งที่มีส่วนได้เสียมีโอกาสต่อสู้การคัดค้านนั้นเมื่อศาลสั่งอย่างใด ให้แจ้งคำสั่งไปยังเทศบาลโดยมิชักช้า คำสั่งศาลนั้นให้เป็นที่สุด” ซึ่งหมายความว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งหรือคำพิพากษาอย่างไรเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ว่าศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาตามมาตรา 25 หรือ มาตรา 58 ก็ล้วนแต่มีผลทำให้คำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็นที่สุดทั้งสองกรณี คู่ความไม่สามารถอุทธรณ์ฎีกาได้ การที่ผู้ร้องอุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาและสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ร้องเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่อาจรับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องได้”

พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้อง คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่ผู้ร้อง ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share