คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7712/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การฟ้องคดีอาญาในศาลแขวงหรือศาลจังหวัดที่กฎหมายบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับ บัญญัติให้โจทก์ฟ้องด้วยวาจาได้และให้ศาลบันทึกใจความแห่งคำฟ้องไว้เป็นหลักฐาน จึงไม่ต้องปฏิบัติเคร่งครัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 โดยเฉพาะในอนุมาตรา 5 ว่าด้วยรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการกระทำ เป็นหน้าที่ของศาลที่จะสอบถามรายละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้บังอาจร่วมกันเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลต่างประเทศที่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วจึงให้การรับสารภาพต่อศาลชั้นต้น คำฟ้องที่โจทก์ฟ้องด้วยวาจาตามบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาและตามที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้นั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว โดยโจทก์ไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงวิธีการเล่นโดยละเอียดอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478มาตรา 4 ทวิ, 5, 6, 10, 12, 15 ริบของกลางทั้งหมดยกเว้นโทรศัพท์ยี่ห้อโนเกีย1 เครื่อง และให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4 ทวิ, 5, 6, 10, 12, 15 ฐานเป็นเจ้ามือ จำคุก 4 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือนริบของกลาง (ที่ถูกริบของกลางทั้งหมด ยกเว้นโทรศัพท์ยี่ห้อโนเกีย 1 เครื่อง)คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเป็นประการแรกว่า ฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้บรรยายถึงสาระสำคัญว่า การแข่งขันฟุตบอลต่างประเทศมีวิธีการเล่นอย่างไร สามารถทำให้แพ้ชนะกันอย่างไร จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมและขาดองค์ประกอบความผิด แม้จำเลยจะเข้าใจฟ้องได้ดี ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้ เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีการพนันซึ่งศาลจังหวัดปัตตานีมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ตามพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 มาตรา 3 ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดพ.ศ. 2520 บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2532มาตรา 3 ซึ่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2498 กำหนดวิธีการดำเนินกระบวนพิจารณาเพื่อความสะดวกรวดเร็วไว้เป็นพิเศษนอกเหนือจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาอันเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาโดยทั่ว ๆ ไป แสดงให้เห็นว่าการพิจารณาคดีของศาลแขวงหรือศาลจังหวัดที่กฎหมายบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับแตกต่างจากคดีอาญาอื่นโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ. 2499 มาตรา 19 บัญญัติให้โจทก์ฟ้องด้วยวาจาได้ และให้ศาลบันทึกใจความแห่งคำฟ้องไว้เป็นหลักฐาน การฟ้องคดีอาญาในศาลแขวงหรือศาลจังหวัดที่กฎหมายบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับจึงไม่ต้องปฏิบัติเคร่งครัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 โดยเฉพาะในอนุมาตรา 5 ว่าด้วยรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการกระทำ เป็นหน้าที่ของศาลที่จะสอบถามรายละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเป็นบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาและศาลชั้นต้นได้บันทึกไว้แล้วว่าโจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจร่วมกันเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลต่างประเทศที่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ส่วนพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องเข้าทายผลโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีพระราชกฤษฎีกาอนุญาตให้เล่นซึ่งจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว จึงให้การรับสารภาพต่อศาลชั้นต้น คำฟ้องที่โจทก์ฟ้องด้วยวาจาตามบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาและตามที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้นั้นชอบด้วยกฎหมายแล้วโดยโจทก์ไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงวิธีเล่นโดยละเอียดอีก ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นที่จำเลยฎีกาในประการต่อมาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมโพยสำหรับแทงพนันฟุตบอล 1 เล่ม สมุดฉีก 9 เล่ม ธนบัตรไทย4,850 บาท โดยไม่ปรากฏรายชื่อลูกค้าและจำนวนเงินที่รับพนัน ไม่อาจแสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งว่าการเล่นการพนันดังกล่าวมีลักษณะเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่และมีการเล่นได้เสียกันเป็นอาชีพ ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรรอการลงโทษไว้เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษให้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น แต่เพื่อป้องปรามมิให้จำเลยกระทำความผิดในทำนองนี้อีก และเพื่อให้มั่นใจว่ามีเจ้าพนักงานคอยแนะนำช่วยเหลือ ตักเตือนหรือสอดส่องดูแลให้จำเลยกลับตัวได้อย่างแท้จริง จึงเห็นสมควรลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งและคุมความประพฤติไว้ เมื่อลงโทษปรับจำเลยแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรสั่งให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับเสียด้วย

อนึ่ง ธนบัตรไทยฉบับละ 100 บาท จำนวน 5 ฉบับ ที่ใช้สำหรับล่อแทงพนันฟุตบอลของกลางนั้น ไม่ใช่เงินของจำเลยที่ได้ใช้หรือมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยได้กระทำความผิด จึงต้องคืนธนบัตรนั้นให้แก่เจ้าของ จะริบไม่ได้”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยเป็นเงิน 1,000 บาท อีกสถานหนึ่งเมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้3 ปี และคุมความประพฤติจำเลยไว้ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 3 ครั้ง มีกำหนด 2 ปี ตามเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนด ให้จำเลยละเว้นการประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดทำนองนี้อีก กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควร มีกำหนด 30 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30ให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับแก่ผู้นำจับตามกฎหมายไม่ริบธนบัตรไทยฉบับละ 100 บาท จำนวน 5 ฉบับ ที่ใช้สำหรับล่อแทงพนันฟุตบอลของกลางและให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9

Share