คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยปกติต้องให้อยู่ในปกครองของบิดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1537 แต่ถ้าศาลเห็นว่ามีกรณีส่อแสดงว่าถ้าให้อำนาจปกครองอยู่แก่บิดาจะทำให้เด็กไม่ได้รับความอุปการะตามสมควรก็ดี หรือเด็กจะได้รับความทุกข์ลำบากก็ดี หรือมีเหตุอันไม่สมควรอื่นใดก็ดี ศาลจะให้อำนาจปกครองอยู่แก่มารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(6) ก็ได้
เมื่อศาลสอบถามและโจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงกัน ก็ฟังข้อเท็จจริงตามที่แถลงรับกันนั้นได้ ไม่จำต้องสืบพยานต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นภริยาสามีกันโดยมิได้จดทะเบียนสมรสเกิดบุตรด้วยกันสองคน จำเลยไปได้หญิงอื่นเป็นภริยาแล้วไล่โจทก์ไปจากบ้าน โจทก์ได้พาบุตรทั้งสองไปอาศัยอยู่กับบิดามารดาต่อมาจำเลยได้ขอบุตรไปงานตรุษที่บ้านจำเลย แล้วจะส่งคืนแต่แล้วก็ไม่ส่งคืน จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ส่งบุตรคืน

จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลยเป็นภริยาสามีกันโดยมิได้จดทะเบียนสมรสและมีบุตรด้วยกันจริง จำเลยชวนโจทก์ไปค้าขายที่เมืองสกลนคร แต่โจทก์ไม่ยอมไปกับจำเลย จำเลยมิได้ขับไล่และละทิ้งโจทก์ จำเลยมิได้มีภริยาใหม่ จำเลยรับบุตรมาอยู่ด้วยเพราะสงสารมิได้ยื้อแย่งไปจากโจทก์ และฟ้องแย้งว่าจำเลยเป็นบิดาและเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร ขอให้พิพากษาว่าบุตรทั้งสองเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย และให้อยู่ในอำนาจปกครองของจำเลย

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่อำเภอเมืองสกลนคร ยอมให้โจทก์เป็นผู้ปกครองและอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสอง จำเลยมีภริยาใหม่และจำเลยเป็นญวนอพยพจะต้องพาบุตรกลับประเทศญวน ควรให้อยู่กับโจทก์ซึ่งเป็นมารดาและยังมิได้มีสามีใหม่ ขอให้ยกฟ้องแย้ง

โจทก์จำเลยรับกันว่าโจทก์จำเลยเป็นภริยาสามีกันโดยมิได้จดทะเบียนสมรสมีบุตรด้วยกันสองคนจริง และจำเลยแถลงว่าเป็นญวนอพยพจะต้องกลับประเทศญวนเหนือแต่ไม่ทราบว่าเมื่อใด ขณะนี้จำเลยอยู่กับภริยาคนก่อนที่จะได้กับโจทก์ และจำเลยได้เคยทำบันทึกยอมคืนบุตรให้โจทก์

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาว่าเด็กทั้งสองเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย แต่ให้เด็กทั้งสองอยู่ในความปกครองของโจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ขณะนี้จำเลยอยู่กับภริยาอีกคนหนึ่ง เมื่อจำเลยรับเอาเด็กทั้งสองไปไว้ในปกครอง เด็กทั้งสองอาจไม่ได้รับอุปการะเลี้ยงดูแลเท่าที่ควรก็ได้ เพราะเด็กทั้งสองเป็นบุตรเลี้ยงของภริยา ส่วนโจทก์ยังมิได้มีสามีใหม่และอยู่กับบิดามารดา น่าจะรักใคร่เอ็นดูและให้ความอุปการะเด็กทั้งสองดีกว่าจำเลย ทั้งจำเลยเป็นญวนอพยพจะต้องกลับประเทศญวนเหนือในวันข้างหน้า ไม่แน่ว่าจะพาเด็กทั้งสองไปตกระกำลำบากอย่างใดหรือไม่ ให้จำเลยส่งเด็กชายมนตรีคืนแก่โจทก์

ที่จำเลยฎีกาว่าเมื่อศาลพิพากษาว่าเด็กทั้งสองเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของจำเลยแล้วก็ต้องให้เด็กทั้งสองอยู่ในปกครองของจำเลยเห็นว่า ตามปกติเด็กทั้งสองต้องอยู่ในปกครองของบิดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1537 แต่ถ้าศาลพิจารณาเห็นว่ามีกรณีส่อแสดงว่าถ้าให้อำนาจปกครองอยู่แก่บิดาจะทำให้เด็กทั้งสองไม่ได้รับความอุปการะตามสมควรก็ดี หรือเด็กจะได้รับความทุกข์ลำบากก็ดี หรือมีเหตุอันไม่สมควรอื่นใดก็ดี ศาลจะให้อำนาจปกครองอยู่แก่มารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(6) ก็ได้

ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน ตามรูปคดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีความบกพร่องในการที่จะเป็นผู้ปกครองเด็กทั้งสองแต่อย่างใด เห็นว่า เมื่อศาลสอบถามและโจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงก็ฟังข้อเท็จจริงตามที่แถลงรับกันได้ ไม่จำต้องสืบพยานต่อไป

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share