แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ.2490 บัญญัติให้การดำเนินงานของคณะกรรมการมัสยิดเป็นไปตามเสียงข้างมากอิหม่ามกับกรรมการอื่นๆ ซึ่งเป็นเสียงข้างมากจึงมีอำนาจดำเนินคดีในนามของมัสยิดโจทก์ได้
ผู้มีชื่อยกที่พิพาทให้โจทก์โดยมิได้ทำเป็นหนังสือ แล้วเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทให้โจทก์ตลอดมาจำเลยซึ่งเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมก็มิได้คัดค้านการกระทำของผู้มีชื่อนั้นเมื่อผู้มีชื่อตายทายาทก็เข้ารับเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทนำส่งโจทก์ตลอดมาย่อมถือได้ว่าโจทก์เข้าถือสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาทโดยทายาทของผู้มีชื่อนั้นเป็นผู้ดูแลแทนเมื่อทายาทงดเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทนำส่งโจทก์ โจทก์ก็เข้าเก็บทำเอง โดยจำเลยหรือบุคคลอื่นใดมิได้ขัดขวาง ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและเปิดเผยตลอดมา และเมื่อได้ครอบครองเกินกว่า10 ปี โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นางจีด นายชุ่มได้อุทิศที่พิพาทให้เป็นสมบัติของมัสยิดโจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคล โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทนี้โดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปีแล้ว จึงได้กรรมสิทธิ์ จำเลยที่ 3 ซึ่งเคยเป็นกรรมการของมัสยิดโจทก์ได้ทำการโดยประมาทเลินเล่อคืนโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทายาทเจ้าของเดิมไปโจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองคืนโฉนดและไปจดทะเบียนการให้ จำเลยทั้งสองก็เพิกเฉยเสีย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยส่งมอบโฉนดและเอกสารอื่น ๆ ที่รับไว้คืนแก่โจทก์ และสั่งให้ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์หรือใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสามต่อสู้ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง หนังสือยกที่พิพาทที่จำเลยที่ 1 ทำให้แก่โจทก์ไม่มีผลตามกฎหมาย หนังสือให้ไม่มีชื่อผู้รับและมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่มีผลบังคับโจทก์มิได้ครอบครองที่พิพาท จำเลยที่ 3 มิได้ปฏิบัติการผิดดังฟ้องโจทก์มิได้เสียหาย และฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าโจทก์ได้ยึดถือครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของมาเกินกว่า 10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง แต่ครอบครองที่พิพาทยังไม่ถึง 10 ปี พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ. 2490มาตรา 9 ว่า “ในการดำเนินงานของคณะกรรมการมัสยิดให้เป็นไปตามเสียงข้างมากของคณะกรรมการมัสยิด” อิหม่ามและคณะกรรมการอื่นซึ่งเป็นเสียงข้างมากของคณะกรรมการมัสยิดโจทก์เป็นผู้ดำเนินคดีนี้โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องและเห็นว่า นางจีดได้ยกที่พิพาทให้แก่โจทก์โดยมิได้ทำเป็นหนังสือ แล้วเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทให้โจทก์ตลอดมาโดยจำเลยซึ่งเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมมิได้คัดค้านการกระทำของนางจีดเมื่อนางจีดตาย นางหนับทายาทก็เข้าเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทนำส่งแก่โจทก์ตลอดมาอีก ย่อมถือได้ว่าโจทก์เข้าถือสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาท โดยนางหนับทายาทของนางจีดเป็นผู้ดูแลแทน เมื่อนางหนับงดเก็บผลประโยชน์ส่งให้โจทก์ โจทก์ก็เข้าเก็บทำเองโดยจำเลยหรือบุคคลอื่นใดมิได้ขัดขวาง ถือว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและเปิดเผยตลอดมาและได้ครอบครองเกินกว่า 10 ปีแล้วจึงได้กรรมสิทธิ์
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น