แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งให้จำเลยสั่งรื้ออาคารซึ่งเป็นภยันตรายต่อสาธารณชนและโจทก์ เมื่อปรากฏต่อศาลว่าจำเลยมิใช่เป็นเจ้าของอาคารพิพาทหากศาลมีคำสั่งตามคำขอของโจทก์ ผลของการบังคับคดีย่อมไปผูกพันบุคคลภายนอกซึ่งมิได้เข้ามาเป็นคู่ความด้วยให้จำต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล ศาลจึงไม่อาจสั่งบังคับจำเลยตามคำขอของโจทก์ได้
อำนาจในการที่จะสั่งให้รื้อถอนอาคารที่สร้างขึ้นภายในเขตเทศบาลเป็นอำนาจหน้าที่โดยอิสระของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2479 มาตรา 11,12, และพระราชบัญญัติควบคุมก่อสร้างอาคาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2504 มาตรา 3,4,5 ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติมาตราใดที่บัญญัติให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องรับผิดในเมื่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นงดเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ศาลจึงไม่อาจสั่งบังคับให้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยว่าเป็นตัวแทนละเมิดสัญญาก่อสร้างอาคาร และเรียกค่าเสียหายกับขอให้ศาลสั่งให้จำเลยสั่งรื้อถอนอาคารซึ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากแบบแปลนและน่าจะเป็นอันตรายแก่สาธารณชนและโจทก์โดยอาคารอาจจะต้องพังทลายลงมา
จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์มิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องพิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยมิได้เป็นตัวแทนโจทก์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์และข้อกล่าวอ้างเรื่องอาคารพังก็เลื่อนลอย เหตุการณ์ยังไม่เกิดโจทก์มิได้เสียหายตามฟ้อง
จำเลยยอมรับผิดในจำนวนค่าเสียหายตามโจทก์ฟ้อง เมื่อศาลไปตรวจห้องพิพาทแต่ไม่ยอมรื้อถอน เพราะอาคารที่สร้างขึ้นตกไปเป็นของผู้อื่นแล้ว โจทก์แถลงรับว่าอาคารที่สร้างขึ้นตกเป็นของโจทก์และผู้อื่นไปแล้วจริง และแถลงขอสืบว่าอาคารที่สร้างเพิ่มเติมขึ้นไม่ปลอดภัยจะพังลงมาทับห้องโจทก์
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้วพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์คำขอโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีเต็มตามคำขอท้ายฟ้องหรือมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิจารณาพิพากษาคดีนี้ใหม่
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยมิใช่เป็นเจ้าของอาคารพิพาท เจ้าของที่แท้จริงคือการรถไฟแห่งประเทศไทย หากศาลมีคำสั่งให้จำเลยสั่งรื้ออาคารตามคำขอของโจทก์ผลแห่งการบังคับคดีย่อมไปผูกพันการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งมิได้เข้ามาเป็นคู่ความด้วยให้จำต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล อันเป็นการมิชอบ ทั้งอำนาจในการที่จะสั่งให้รื้อถอนอาคารที่สร้างขึ้นภายในเขตเทศบาล ก็เป็นอำนาจหน้าที่โดยอิสระของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติควบคุมก่อสร้างอาคารพ.ศ. 2479 มาตรา 11, 12 และพระราชบัญญัติควบคุมก่อสร้างอาคาร (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2504 มาตรา 3, 4, 5 ที่จะพิจารณาสั่งบังคับผู้อื่นตามอำนาจหน้าที่ซึ่งกำหนดไว้ในกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติมาตราใดที่บัญญัติให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องรับผิดในเมื่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นงดเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตน จึงไม่อาจสั่งบังคับจำเลยตามคำขอของโจทก์ได้และเมื่อข้อเท็จจริงจากคำรับของจำเลยฟังได้ว่าห้องพิพาทและนอกพิพาทที่สร้างขึ้นตกเป็นของโจทก์และผู้อื่นไปแล้ว การสืบพยานโจทก์จึงไม่จำเป็น ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์