คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การมีแผ่นวิดีโอซีดีแผ่นซีดีและแผ่นซีดีรอมไว้เพื่อขายและเสนอขายกับการประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ในคราวเดียวกันนั้น เป็นการกระทำโดยอาศัยเจตนาที่แยกต่างหากจากกันและเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายคนละฉบับกัน จึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฯ มาตรา 73 เป็นบทระวางโทษที่หนักขึ้นเป็นสองเท่าของระวางโทษตามมาตรา 70 วรรคสองหาใช่บทเพิ่มโทษที่จะลงแก่จำเลยให้หนักขึ้นเป็นสองเท่าไม่
โจทก์มีคำขอเพียงให้แผ่นวิดีโอซีดีแผ่นซีดีและแผ่นซีดีรอมของกลาง ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น ไม่มีของกลางรายการอื่นที่โจทก์ขอให้ริบอีก ดังนั้น การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้ริบสิ่งของที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดมาด้วยจึงเป็นการเกินคำขอ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2543 เวลากลางวัน จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ

(ก) จำเลยละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์ประเภทดนตรีกรรมสิ่งบันทึกเสียง โสตทัศนวัสดุ วรรณกรรม โปรแกรมคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายทั้งสิบสี่ โดยการนำเอาแผ่นวิดีโอซีดีคาราโอเกะ ซีดีเพลงซีดีรอมเพลงคาราโอเกะเอ็มพี 3 ซีดีรอมเพลงเอ็มพี 3 และแผ่นซีดีรอมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บันทึกงานของผู้เสียหายทั้งสิบสี่ตามเอกสารท้ายฟ้อง ซึ่งมีผู้ทำซ้ำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสิบสี่รวมจำนวน 409 แผ่น ออกขาย เสนอขาย มีไว้เพื่อขาย แก่บุคคลทั่วไป อันเป็นการกระทำเพื่อแสวงหากำไรในทางการค้า โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าแผ่นวิดีโอซีดีคาราโอเกะซีดีเพลง ซีดีรอมเพลงคาราโอเกะเอ็มพี 3 ซีดีรอมเพลงเอ็มพี 3และแผ่นซีดีรอมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ดังกล่าวเป็นงานที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสิบสี่ และโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายทั้งสิบสี่

(ข) จำเลยประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายแผ่นวิดีโอซีดีคาราโอเกะ ซีดีรอมเพลงคาราโอเกะเอ็มพี 3 ซีดีรอมเพลงเอ็มพี 3 และแผ่นซีดีรอม โปรแกรมคอมพิวเตอร์ อันเป็นเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจอยู่ที่ร้านยูเรก้า แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร และได้ประโยชน์ตอบแทนจากราคาจำหน่ายวิดีโอเทปดังกล่าวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

เหตุทั้งหมดเกิดที่แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานครเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยแผ่นวิดีโอคาราโอเกะ ซีดีเพลงซีดีรอมเพลงคาราโอเกะเอ็มพี 3 ซีดีรอมเพลงเอ็มพี 3 และแผ่นซีดีรอมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้มีผู้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ที่จำเลยนำออกขาย เสนอขาย มีไว้เพื่อขาย ดังกล่าวจำนวน 409 แผ่นเป็นของกลาง ก่อนคดีนี้จำเลยเคยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ต้องระวางโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 200,000บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.841/2542 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2542 และภายในเวลาที่ศาลรอการลงโทษดังกล่าว และภายในเวลา 5 ปีเมื่อจำเลยพ้นโทษปรับแล้ว จำเลยได้กลับมากระทำความผิดคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 4, 6, 8, 15,27, 28, 30, 31, 61, 69, 70, 73, 75, 76 พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 4,6, 34 พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 3,14, 30, 31, 52 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 91 โดยขอให้วางโทษเป็นสองเท่าและบวกโทษจำคุก 6 เดือนของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ. 841/2542 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเข้ากับโทษคดีนี้ให้แผ่นวิดีโอซีดีคาราโอเกะ ซีดีเพลง ซีดีรอมเพลงคาราโอเกะเอ็มพี 3 ซีดีรอมเพลงเอ็มพี 3 และซีดีรอมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของกลาง ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ และจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 มาตรา 31 (ที่ถูก 31(1)), 70 วรรคสอง พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง,34 ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31 (ที่ถูก 31(1)),70 วรรคสอง ให้จำคุก 2 ปีและปรับ 400,000 บาท จำเลยเคยต้องโทษตามคำพิพากษา (ในความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537)และพ้นโทษ (ปรับ) มาแล้ว ไม่เกิน 5 ปี กลับมากระทำความผิดคดีนี้อีกต้องวางโทษเป็นสองเท่า ให้จำคุก 4 ปี และปรับ 800,000 บาทความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์พ.ศ. 2530 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง, 34 ให้ปรับ 20,000 บาท รวมจำคุก2 ปี (ที่ถูก 4 ปี) และปรับ 820,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี (ที่ถูก 2 ปี) และปรับ 410,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ ส่วนสิ่งที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดให้ริบจ่ายค่าปรับเป็นจำนวนกึ่งหนึ่งของค่าปรับ (สำหรับความผิด) ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 แก่เจ้าของลิขสิทธิ์ ส่วนที่โจทก์ขอให้บวกโทษจำเลยนั้น ให้ยกคำขอส่วนนี้เนื่องจากคดีนี้ศาลไม่ได้ลงโทษจำคุกจำเลย (ที่ถูกรอการลงโทษจำคุกคดีนี้ให้จำเลย)

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “ตามอุทธรณ์ของจำเลยพอเป็นที่เข้าใจได้ว่าจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์ 2 ประการ คือ การกระทำของจำเลยตามฟ้องข้อ (ก) และข้อ (ข) เป็นความผิดกรรมเดียวกันประการหนึ่ง สำหรับอุทธรณ์ของจำเลยประการแรกนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้องข้อ (ก) และข้อ (ข)แม้จำเลยจะมีแผ่นวิดีโอซีดี แผ่นซีดีและแผ่นซีดีรอมของกลางไว้เพื่อขายและเสนอขายตามฟ้องข้อ (ก) และประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ตามฟ้องข้อ (ข) ในคราวเดียวกันดังที่จำเลยอุทธรณ์ แต่การกระทำของจำเลยตามฟ้องข้อ (ก) และข้อ (ข) ก็เป็นการกระทำโดยอาศัยเจตนาที่แยกต่างหากจากกันและเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายคนละฉบับกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรมดังที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัย คำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยอ้างว่าเป็นความผิดกรรมเดียวนั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ และความผิดตามฟ้องข้อ (ก) ศาลจำต้องปรับบทพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 มาตรา 70 วรรคสองมาด้วย เพราะเป็นบทระวางโทษของมาตรา 31(1) ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์มาในข้อนี้อ้างว่า จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 นั้น ปรากฏว่าโจทก์มิได้ฟ้องและศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางก็มิได้พิพากษาปรับบทลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าวแต่อย่างใด อุทธรณ์ของจำเลยส่วนนี้เป็นอุทธรณ์นอกฟ้องนอกสำนวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัยให้

ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยประการหลังนั้น เห็นว่า ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31(1), 70 วรรคสอง นั้น มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 บาทถึง 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 73 ได้บัญญัติว่า ผู้ซึ่งกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ เมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนด 5 ปี กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์นี้อีก ต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น คดีนี้จำเลยมีแผ่นวิดีโอซีดี ซีดีและซีดีรอมของกลางที่ทำขึ้น โดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสิบสี่รวมจำนวน 409 แผ่น ไว้เพื่อขาย เสนอขาย แม้จำเลยจะเคยกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์และถูกศาลลงโทษมาก่อนและพ้นโทษปรับมาแล้วยังไม่ครบ 5 ปี กลับมากระทำความผิดคดีนี้อีกก็ตาม แต่พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวถือไม่ได้ว่าเป็นเรื่องร้ายแรงถึงขนาดต้องลงโทษจำเลยทั้งจำคุกและปรับในอัตราโทษสูงสุดตามที่กฎหมายบัญญัติทั้งสองสถานดังที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรแก้ไขกำหนดโทษจำคุกและปรับจำเลยสำหรับความผิดฐานนี้เสียใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดี โดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้ตามเดิม แต่ยังไม่สมควรที่จะแก้ไขกำหนดระยะเวลารอการลงโทษจำคุกให้สั้นลง ส่วนความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายเทปและวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง,34 นั้น มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อพิจารณาถึงสภาพความผิดของจำเลยแล้วเห็นว่า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางลงโทษจำเลยสำหรับความผิดฐานนี้ก่อนลดโทษให้ปรับ 20,000บาท มานั้น หนักเกินไป เห็นสมควรแก้ไขกำหนดโทษปรับจำเลยสำหรับความผิดฐานนี้เสียใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีเช่นกัน อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน

อนึ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นว่าสำหรับความผิดของจำเลยตามฟ้องข้อ (ก)ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31(1), 70 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 73 นั้น ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมิได้ปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 73 มาด้วย และลงโทษจำเลยตามมาตรา 31(1),70 วรรคสองก่อน แล้วจึงเพิ่มโทษจำเลยดังกล่าวหนักขึ้นเป็นสองเท่าของโทษที่จะลงนั้น ยังไม่ถูกต้อง เพราะมาตรา 73 เป็นบทระวางโทษที่หนักขึ้นเป็นสองเท่าของระวางโทษตามมาตรา 70 วรรคสอง หาใช่บทเพิ่มโทษที่จะลงแก่จำเลยให้หนักขึ้นเป็นสองเท่าไม่ เห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องและที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้ริบสิ่งของที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดมาด้วยนั้นก็ไม่ถูกต้อง เพราะคดีนี้นอกจากแผ่นวีดีโอซีดี แผ่นซีดีและแผ่นซีดีรอมของกลางที่โจทก์ขอให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์แล้ว ไม่มีของกลางรายการอื่นที่โจทก์ขอให้ริบอีก คำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางในส่วนนี้จึงเป็นการเกินคำขอ เห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องเสียด้วย”

พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดตามฟ้องข้อ (ก) จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31(1),70 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 73 ให้จำคุก 1 ปี และปรับ 200,000บาท ส่วนความผิดตามฟ้องข้อ (ข) จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530มาตรา 6 วรรคหนึ่ง, 34 ให้ปรับ 10,000 บาท รวมเป็นจำคุก 1 ปีและปรับ 210,000 บาท เมื่อลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 6 เดือนและปรับ 105,000 บาท โดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้ตามกำหนดระยะเวลาเดิม และให้ยกคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางในส่วนที่ให้ริบที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share