คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ปัญหาว่าการเพิ่มโทษจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้เพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 ชั้นพิจารณาศาลได้สอบถามเรื่องที่จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีก่อนหรือไม่แล้ว จำเลยให้การรับสารภาพและลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาโดยมิได้โต้แย้งทักท้วง ประกอบกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรรมระบุว่า ลายนิ้วมือของจำเลยคดีนี้และคดีก่อนเป็นบุคคลเดียวกัน ดังนี้ศาลย่อมเพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้เครื่องมืองัดเหล็กดัดหน้าต่างอันเป็นสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลและทรัพย์จนเปิดออกแล้วปีนหน้าต่างซึ่งเป็นช่องทางที่ทำขึ้นโดยไม่จำนงให้เป็นทางคนเข้า เข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของนางผ่องพิศ กัลย์จารึก ผู้เสียหาย โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือมีเหตุอันสมควรแล้วลักปากกาลูกลื่น 3 ด้ามรวมราคา1,200 บาทของผู้เสียหายที่เก็บรักษาไว้ในเคหสถานดังกล่าวไปโดยทุจริต เหตุเกิดที่แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานครเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยปากกาลูกลื่น 3 ด้าม ของผู้เสียหายที่จำเลยลักไป ไขควง 3 อัน ซึ่งจำเลยใช้เป็นเครื่องมืองัดเหล็กดัดลูกกรงหน้าต่างเป็นของกลาง ผู้เสียหายรับปากกาลูกลื่นคืนไปแล้ว ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกฐานลักทรัพย์มีกำหนด 2 ปี เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2541 ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3056/2541 ของศาลชั้นต้น จำเลยพ้นโทษในคดีดังกล่าวมาแล้วกลับมากระทำความผิดคดีนี้อีกภายในเวลา 3 ปี นับแต่วันพ้นโทษซึ่งคดีก่อนและคดีนี้จำเลยกระทำความผิดในขณะที่อายุเกินกว่า 17 ปีและมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 93, 33ริบไขควงของกลาง และเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมาย

จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษมาแล้วตามฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(3)(8) วรรคสอง (ที่ถูกต้อง 335(3)(4)(8) วรรคสอง) จำคุก 4 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 เป็นจำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี ริบไขควงของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่เพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 เมื่อลดโทษจำคุกให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงลงโทษจำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาในข้อแรกว่า อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าจำเลยมิได้เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่งประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ศาลอุทธรณ์ต้องไม่รับวินิจฉัยให้นั้น เห็นว่า แม้อุทธรณ์ข้อนี้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นก็ตาม แต่ปัญหาว่าการเพิ่มโทษจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

สำหรับข้อที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3056/2541 ของศาลชั้นต้น จึงต้องเพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 นั้นเห็นว่า ในชั้นพิจารณาศาลได้สอบถามจำเลยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวจำเลยได้ให้การรับสารภาพและลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาโดยไม่ได้โต้แย้งหรือทักท้วงแต่ประการใด ประกอบกับลายนิ้วมือของจำเลยในคดีนี้และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3056/2541ของศาลชั้นต้นนั้น กองทะเบียนประวัติอาชญากรระบุว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันตามเอกสารท้ายฎีกาหมายเลข 10 แผ่นที่ 2 จึงเชื่อว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3056/2541ของศาลชั้นต้น และต้องเพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 93 ที่ศาลอุทธรณ์ไม่เพิ่มโทษจำเลยนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share