แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยมีเจตนาจดทะเบียนช่องทางเดินผ่านที่ดินภารยทรัพย์ด้านเหนือมาแต่แรก บันทึกและรูปจำลองของเจ้าพนักงานที่ดินผิดจากเจตนาแท้จริงของคู่กรณี เป็นสารสำคัญของนิติกรรม ศาลพิพากษาให้จดทะเบียนภารจำยอมใหม่ให้ตรงตามเจตนาที่เป็นจริง
ย่อยาว
จำเลยกับพวกอีก 2 คนซื้อที่ดินแบ่งกัน โจทก์ซื้อที่ดินต่อจากผู้ซื้อดังกล่าวมา 1 แปลง ก่อนขายได้จดทะเบียนภารจำยอมกว้าง 1 วา ผ่านที่ดินจากตะวันตกมายังตะวันออกจดทางสาธารณะ แปลงที่โจทก์ซื้ออยู่แปลงตะวันตกในที่สุดจำเลยอยู่แปลงกลาง ทางที่เคยใช้เดินเข้าออกก่อนจดทะเบียนอยู่ทางเหนือของที่ดินที่เดินผ่าน แต่การจดทะเบียนกลับจดทะเบียนตามรูปจำลองเป็นทางผ่านทางใต้ของที่ดิน ต่อมาโจทก์จำเลยมีสาเหตุกระทบกระทั่งกัน จำเลยให้โจทก์เปลี่ยนไปใช้ทางตอนใต้ โจทก์ไม่ยอม ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์จดทะเบียนแก้ทางภารจำยอมให้ตรงตามความจริงทางด้านเหนือของที่ดินตามฟ้องแย้ง เพราะที่จดทะเบียนไว้เดิมเป็นการสำคัญผิดในสารสำคัญแห่งนิติกรรม โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “จำเลยกับนางละออง ทิมาภากรและนางประคอง ไทยแท้ ได้ออกเงินคนละส่วนเท่า ๆ กันซื้อที่ส่วนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเพื่อแบ่งกันสำหรับใช้เป็นที่ปลูกบ้านอยู่อาศัย ที่แปลงนี้มีเฉพาะด้านยาวทางทิศตะวันออกด้านเดียวติดทางสาธารณะ เมื่อแบ่งแยกโฉนดแล้วนางละอองทิมาภากร ได้แปลงติดทางสาธารณะ จำเลยและนางประคอง ไทยแท้ ได้แปลงในถัดกันไปตามลำดับซึ่งอยู่ในที่ล้อมไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ รูปคดีมีเหตุผลน่าเชื่อว่าได้มีข้อตกลงระหว่างกันว่าผู้ที่ได้ที่ดินส่วนที่ติดทางสาธารณะยินยอมอนุญาตให้ผู้ได้ที่แปลงในมีสิทธิเดินผ่านที่ออกสู่ทางสาธารณะได้จริง พิเคราะห์ถึงว่าเมื่อแบ่งแยกได้รับโฉนดสำหรับที่ดินใน พ.ศ. 2501 แล้ว ในปีถัดมานางละออง ทิมาภากร เข้าไปปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ส่วนของตนได้ปลูกชิดเขตที่ด้านทิศใต้ห่างแนวเขตประมาณ 1 เมตร ชายคายื่นล้ำออกไปประมาณครึ่งเมตร ส่วนทางด้านทิศเหนือเว้นที่ไว้เป็นทางประมาณ 2 เมตรชายคายื่นล้ำตัวบ้านออกไปประมาณครึ่งเมตรรั้วสังกะสีด้านหน้าติดทางสาธารณะก็กั้นจากแนวเขตด้านใต้มาจดเพียงแค่เขตทางเดินนี้ ต่อมาในพ.ศ. 2509 จำเลยเข้าไปปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่แปลงที่อยู่ถัดเข้าไปก็ได้ปลูกชิดเขตด้านทิศใต้ เว้นด้านทิศเหนือไว้เป็นทางให้นางประคอง ไทยแท้ซึ่งได้ที่แปลงในสุดได้ใช้เดินผ่านเป็นแนวเดียวกันปรากฏตามภาพถ่ายหมาย ล.5 และ ล.9 ต่อมาต้นปี พ.ศ. 2511 นางละออง ทิมาภากร ตกลงจะขายที่และบ้านให้แก่โจทก์ ก็ได้จัดการให้จำเลยทำรั้วกั้นแนวทางเดินด้านนี้ไว้ให้เป็นส่วนสัด แล้วจึงได้พากันไปจดทะเบียนทางภารจำยอมดังกล่าวให้ปรากฏในโฉนดเลขที่ 18075 ของนางละออง ทิมาภากร และ 19076 ของจำเลย ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยนางละออง ทิมาภากร และนางประคอง ไทยแท้ ได้ตกลงกำหนดช่องทางเดินด้านทิศเหนือนี้ให้เป็นทางเดินผ่านที่ของจำเลย และนางประคอง ไทยแท้ มาแต่แรกเริ่มและมีเจตนาจะจดทะเบียนช่องทางดังกล่าวเป็นทางภารจำยอมโดยแท้ บันทึกและรูปแผนที่จำลองที่เจ้าพนักงานที่ดินทำขึ้นจึงผิดไปจากเจตนาแท้จริงของคู่กรณีอันเป็นสารสำคัญแห่งนิติกรรม ความข้อนี้พิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบมาก็น่าเชื่อว่าโจทก์จะรู้ก่อนรับโอนที่ดินจากนางละออง ทิมาภากร กล่าวคือ โจทก์เบิกความรับว่ามีช่องทางและมีการกันเขตทางด้านทิศเหนือไว้แน่นอนก่อนแล้ว และยังได้ความด้วยว่า ต่อมาเมื่อโจทก์ปรับปรุงทำรั้วหน้าบ้านใหม่จากรั้วสังกะสีเดิมเป็นรั้วคอนกรีต โจทก์ก็ทำมาเพียงแต่จดแนวรั้วช่องทางเดินนี้ ส่วนช่องทางด้านทิศใต้ของที่ โจทก์เพิ่งจะปรับที่เป็นทางกั้นเขตและทุบรั้วคอนกรีตด้านนั้นออกเปิดเป็นทางให้เข้าออก ดังที่ปรากฏตามภาพถ่ายหมาย ล.5, 6, 7 ที่จำเลยอ้างส่งศาล แสดงว่าโจทก์รับรู้ว่าได้มีการกำหนดช่องทางด้านทิศเหนือเป็นทางที่มุ่งหมายจดทะเบียนภารจำยอมกันจริง”
พิพากษายืน