แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 มีปืนเป็นอาวุธยืนคอยอยู่ที่ถนน จำเลยที่ 1 เข้าไปทำทีซื้อข้าวโพดคั่วจากผู้เสียหาย แล้วกระชากสร้อยคอผู้เสียหายพาวิ่งไป ตำรวจเดินมาพบเหตุการณ์เข้าพอดี ได้วิ่งไล่ตามในระยะใกล้ชิดจำเลยที่ 2 ได้ยิงปืนขึ้น 3 นัด แล้วจำเลยทั้งสองวิ่งไปด้วยกัน การที่จำเลยที่ 2. ยิงปืนเพื่อขู่เข็ญมิให้ตำรวจไล่ติดตามไปเพื่อความสะดวกแก่การพาทรัพย์ไปนั้น จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปล้นทรัพย์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยทั้งสามเป็นคนร้ายกระชากสายสร้อยคอทองคำและเหรียญทองคำของนางสาววันเพ็ญไป และจำเลยที่ 2 ได้ยิงปืนเมื่อสิบตำรวจโทวิบูลย์ไล่ขับจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 2 ยิงปืนเมื่อสิบตำรวจโทวิบูลย์วิ่งขับจำเลยที่ 1 นั้น เป็นเวลาภายหลังจากการลักทรัพย์สำเร็จลุล่วงไปแล้ว ไม่ทำให้ความผิดลักทรัพย์กลายเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ไปได้ พิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 336 วางโทษตามมาตรา 335ให้จำคุกคนละ 3 ปี
โจทก์และจำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยทั้งสามได้สมคบกันลักทรัพย์ของนางสาววันเพ็ญ โดยใช้กำลังกายกระชากสร้อยแล้วพาวิ่งหนีไปและพวกของจำเลยคนหนึ่งใช้ปืนยิงเพื่อเป็นความสะดวกในการที่จะพาทรัพย์ที่ลักมาได้หนีไป และเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่การกระทำของจำเลยจึงเข้าลักษณะปล้นทรัพย์ โดยใช้ปืนยิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 83
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในวันเกิดเหตุมีคนร้าย 2 คน ร่วมกันมีปืนเป็นอาวุธทำการลักทรัพย์สร้อยคอทองคำ 1 เส้น กับเหรียญทองคำ1 อัน ของนางสาววันเพ็ญผู้เสียหาย โดยคนร้ายแบ่งหน้าที่กันทำการคือ คนร้ายคนหนึ่งมีปืนเป็นอาวุธปืนคอยอยู่ที่ถนนคนร้ายอีกคนหนึ่งเข้าไปทำทีซื้อข้าวโพดคั่วจากผู้เสียหาย แล้วกระชากสร้อยคอทองคำกับเหรียญทองคำของผู้เสียหายพาวิ่งหนีไป สิบตำรวจโทวิบูลย์มาพบเหตุการณ์ ได้วิ่งไล่ขับคนร้ายไป คนร้ายที่ยืนคอยอยู่ที่ถนนได้ใช้อาวุธปืนยิงขึ้น 3 นัดติด ๆ กันแล้วคนร้ายสองคนนั้นวิ่งหนีไปด้วยกันจากพยานหลักฐานของโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 และ 2 ร่วมกันเป็นคนร้ายรายนี้ ส่วนจำเลยที่ 3 นั้น ยังฟังไม่ได้ว่าได้ร่วมกระทำผิดรายนี้ มีประเด็นวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยที่ 1, 2 จะมีความผิดฐานใดศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1, 2 ได้ร่วมกันมีปืนเป็นอาวุธติดตัวไปทำการลักทรัพย์ของผู้เสียหาย โดยกระชากสร้อยคอกับเหรียญทองคำของผู้เสียหายพาวิ่งไป สิบตำรวจโทวิบูลย์ไล่ติดตามในระยะใกล้ชิดจำเลยที่ 2 ได้ใช้อาวุธปืนยิงขึ้น 3 นัด เพื่อเป็นการขู่เข็ญมิให้สิบตำรวจโทวิบูลย์ไล่ติดตามไป เพื่อให้ความสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไป การกระทำของจำเลยที่ 1, 2 จึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339