แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์ที่ 1 จะขายตึกที่ให้จำเลยเช่าอย่างสังหาริมทรัพย์ก่อนครบกำหนดเวลาให้จำเลยส่งมอบตึกคืน แต่เมื่อที่ดินยังเป็นของโจทก์ที่ 1 อยู่ โจทก์ที่ 1 ยังมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
คำให้การที่ว่าจำเลยเสียเงินค่าตอบแทนให้โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 1 ให้คำมั่นว่าจะให้จำเลยได้เช่าตึกมีกำหนดชั่วชีวิตจำเลย ซึ่งจำเลยถือว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทน โจทก์ที่ 1 ต้องปฏิบัติตาม เป็นคำให้การที่ไม่ชัดว่าเงินนั้นเป็นเงินค่าอะไร จำนวนเท่าใด แต่พอทำให้เข้าใจได้ว่าเงินซึ่งจำเลยให้แก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงินกินเปล่าจึงไม่เป็นสัญญาต่างตอบแทน
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยต่างคนกันเป็นคดี 10 สำนวน ศาลได้รวมพิจารณาพิพากษาคดีทั้ง 10 นี้
โจทก์ฟ้องคดีทั้ง 10 มีใจความอย่างเดียวกันว่าจำเลยทั้ง 10สำนวนเช่าตึกของโจทก์ที่ 1 เพื่อค้าขาย โดยไม่มีกำหนดเวลาให้จำเลยส่งมอบตึกแถว ก่อนถึงกำหนดนั้นโจทก์ที่ 1 ได้ขายตึกแถวให้โจทก์ที่ 2โดยให้โจทก์ที่ 2 รื้อเอาไป เมื่อพ้นกำหนดดังกล่าวแล้ว จำเลยทั้งหมดไม่ส่งตึกที่เช่าคืน ขอให้ขับไล่และใช้ค่าเสียหายเท่าค่าเช่า
จำเลยทั้ง 10 สำนวนให้การและฟ้องแย้งอย่างเดียวกันมีใจความว่าจำเลยได้เสียเงินค่าตอบแทนให้โจทก์ที่ 1 โดยโจทก์ที่ 1 ให้คำมั่นว่าจะให้จำเลยได้เช่าตึกพิพาทตลอดชีวิตของจำเลยอันเป็นสัญญาต่างตอบแทนเมื่อโจทก์ที่ 1 ขายตึกพิพาทให้โจทก์ที่ 2 แล้ว โจทก์ที่ 1 ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง ส่วนฟ้องแย้งมีความว่า ขณะบอกเลิกสัญญาเช่า โจทก์ที่ 1 กับจำเลยทุกคนตกลงกันว่า จำเลยจะออกทุนสร้างตึก 3 ชั้นในที่เดิมแล้วยกกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ที่ 1 ฝ่ายโจทก์ที่ 1 จะยอมให้จำเลยเช่าตึกนี้ 10 ปี ขอให้บังคับโจทก์ที่ 1 ตามสัญญานี้
โจทก์ทั้งสองให้การปฏิเสธฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นเผชิญสืบตึกพิพาทแล้ว งดสืบพยานทั้งสองฝ่าย และพิพากษาให้โจทก์ชนะเต็มตามฟ้อง และให้ยกฟ้องแย้ง
จำเลยทั้งหมดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งหมดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ที่ 1 ตกลงขายสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์ที่ 2 รื้อไป และที่ดินยังคงเป็นของโจทก์ที่ 1 อยู่ เมื่อจำเลยไม่ยอมออกจากตึกพิพาทซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินนี้ โจทก์ที่ 1 ย่อมมีอำนาจฟ้อง
คำให้การของจำเลยที่ว่าจำเลยได้ให้เงินค่าตอบแทนโจทก์ที่ 1โจทก์ที่ 1 ให้คำมั่นว่าจะให้จำเลยเช่าตึกพิพาทตลอดชีวิตจำเลย อันเป็นสัญญาต่างตอบแทนนั้นเป็นคำให้การที่ไม่ชัดว่าจำเลยให้เงินค่าอะไร เป็นจำนวนเท่าใด แต่พอจะเข้าใจได้ว่าเป็นเงินกินเปล่าจึงไม่เป็นสัญญาต่างตอบแทน
พิพากษายืน