คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า มีผู้ลักโคของผู้เสียหายไป ต่อมาเจ้าทรัพย์และพวกพบโคที่ถูกคนร้ายลักไปอยู่ในความครอบครองของจำเลย โดยจำเลยนำโคนั้นมาให้เจ้าทรัพย์ และเอาเงินจำนวน 800 บาทจากเจ้าทรัพย์เป็นค่าไถ่ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335,337
ทางพิจารณาฟังได้ว่าโคของผู้เสียหายนั้นตามโคตัวเมียในฝูงของจำเลยไปจำเลยบอกผู้เสียหายให้ไปเอาโคคืนโดยขอเงินค่าไถ่จากผู้เสียหายแล้วจำเลยคืนโคให้ไม่มีพยานหลักฐานว่าจำเลยลักโค ดังนี้ จะลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ย่อมไม่ได้ และการที่จำเลยรับเงินค่าไถ่โคจากผู้เสียหาย แม้จะด้วยเจตนาทุจริตและคืนโคให้ผู้เสียหายไป ก็ไม่เป็นความผิดฐานรับของโจร เพราะฟังไม่ได้เสียแล้วว่าโคของผู้เสียหายถูกคนร้ายลักไปแล้วจำเลยรับไว้ ศาลก็ต้องยกฟ้อง

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2507 มีผู้ร้ายลักโคของนายจีดไปต่อมาวันที่ 3 มีนาคม 2507 เจ้าทรัพย์กับพวกพบโคที่ถูกคนร้ายลักอยู่ในความครอบครองของจำเลย โดยจำเลยนำโคนั้นมาให้เจ้าทรัพย์เพื่อเอาเงิน 800 บาทจากเจ้าทรัพย์เป็นค่าไถ่ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 337

จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้รับโคของเจ้าทรัพย์ไว้ โคติดฝูงของจำเลยไปเอง จำเลยนำมาคืนโดยไม่ได้เรียกร้องค่าไถ่แต่อย่างใด

ศาลชั้นต้นฟังว่าโคของเจ้าทรัพย์ติดฝูงโคของจำเลยไป จำเลยเอาไว้โดยทุจริต ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 ลดโทษแล้ว พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า โคของผู้เสียหายตามโคตัวเมียในฝูงโคของจำเลยไป จำเลยมาบอกผู้เสียหายให้ไปเอาโคคืน โดยจำเลยขอเงินจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายตกลงให้เงินจำเลยแล้วจำเลยคืนโคให้ไม่มีพยานหลักฐานว่าจำเลยลักโคของผู้เสียหายไป หรือผู้อื่นลักไปแล้วจำเลยรับไว้ พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามวันเวลาโจทก์หา พยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าได้มีคนร้ายลักโคของผู้เสียหายไป ข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่าโคของผู้เสียหายติดฝูงโคของจำเลยไป การที่จำเลยรับเงินค่าไถ่โคจากผู้เสียหายแม้ด้วยเจตนาทุจริต และคืนโคให้ผู้เสียหายไป ก็ไม่เป็นความผิดฐานรับของโจร เพราะฟังไม่ได้เสียแล้วว่าโคของผู้เสียหายถูกคนร้ายลักไป แล้วจำเลยรับไว้ พิพากษายืน

Share