คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าจำเลยได้ส่งมอบนาให้โจทก์ครอบครองตั้งแต่วันตกลงซื้อขายนากันนั้นเป็นข้ออ้างว่าได้ชำระหนี้บางส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรค 2 ซึ่งเป็นมูลให้โจทก์บังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาต่อไปคือ ให้โอนที่พิพาทแก่โจทก์ตามข้อสัญญาได้ กฎหมายมิได้มีข้อจำกัดว่าฝ่ายที่ชำระหนี้เท่านั้นจึงจะฟ้องร้องขอให้ศาลบังคับคดีได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงขายนาให้โจทก์ กำหนดชำระเงินกันในวันอื่นจำเลยได้มอบนาให้โจทก์ครอบครองตั้งแต่วันที่ตกลงกัน เมื่อถึงกำหนดจำเลยกลับไม่ยอมรับเงินและไม่ยอมโอนนา จึงขอให้ศาลบังคับ

จำเลยต่อสู้ว่าไม่เคยตกลงขายนาให้โจทก์ และไม่ได้มอบนาให้โจทก์ครอบครอง ขณะนี้จำเลยครอบครองนาอยู่ โจทก์ว่าจำเลยขายนาให้โจทก์ แต่มิได้มีหนังสือเป็นหลักฐานลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ หรือได้วางประจำไว้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว โจทก์จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาว่า การซื้อขายนาพิพาทไม่ได้ทำเป็นหนังสือ ไม่มีการวางประจำ ข้ออ้างตามฟ้องที่ว่าจำเลยได้มอบนาพิพาทให้โจทก์ครอบครองไม่ถือว่าโจทก์ในฐานะผู้ซื้อได้ชำระหนี้บางส่วน โจทก์ฟ้องให้บังคับคดีไม่ได้ ให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรค 2 มิได้บัญญัติไว้ว่า เฉพาะแต่ฝ่ายที่วางประจำหรือชำระหนี้บางส่วนเท่านั้น จึงจะเป็นฝ่ายฟ้องร้องได้ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิจารณาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าจำเลยได้ส่งมอบนาให้โจทก์ครอบครองตั้งแต่วันตกลงซื้อขายนากันนั้น เป็นข้ออ้างว่าได้ชำระหนี้บางส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรค 2 ซึ่งเป็นมูลให้โจทก์บังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาต่อไป คือ ให้โอนที่พิพาทแก่โจทก์ตามข้อสัญญาได้ กฎหมายมิได้มีข้อจำกัดว่าฝ่ายที่ชำระหนี้จึงจะฟ้องร้องขอให้ศาลบังคับคดีได้ ข้ออ้างในฎีกาที่ว่าจำเลยมิได้ตกลงขายนา มิได้ส่งมอบนา เป็นข้อเท็จจริงที่โต้เถียงกันซึ่งจะต้องพิจารณาฟังคำพยานต่อไป

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share