คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยถูกรุมทำร้ายด้วยอาวุธในเวลากลางคืนจำเลยเข้าใจว่าทั้งถูกตีและถูกฟันไม่อาจรู้ได้ว่าจะเป็นอันตรายสักเพียงไหนจำเลยจึงใช้ปืนยิงไปยังกลุ่มคนที่ทำร้าย กระสุนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายซึ่งจำเลยเองก็ไม่รู้ว่ากระสุนปืนถูกผู้ใดดังนี้ถือได้ว่าจำเลยกระทำการป้องกันตัวในการที่คนกลุ่มนั้นทำร้าย และไม่มีอาวุธอื่นใช้ต่อสู้ได้การป้องกันของจำเลยที่ใช้ปืนยิงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุจำเลยจึงไม่มีความผิด

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายร่างกายนายม้วน บุญแตง จนถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และนับโทษต่อจากคดีดำที่ 335/2508

จำเลยให้การว่า จำเลยได้ยิงผู้ตายจริง แต่ยิงเพื่อป้องกันตัวโดยผู้ตายใช้มีดฟันจำเลยหลายแผล และรับว่าเป็นจำเลยในคดีอาญาดำที่ 335/2508

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยฟังว่า จำเลยได้กระทำผิดจริงตามที่โจทก์ฟ้องพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้จำคุกจำเลย 15 ปี จำเลยให้การรับชั้นสอบสวน ลดโทษให้หนึ่งในสามตาม มาตรา 78 จงจำคุกจำเลยมีกำหนด 10 ปี และให้นับโทษต่อจากคดีแดงที่ 328/2508

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ที่จำเลยนำสืบว่าที่ยิงผู้ตายเพราะผู้ตายจะทำร้ายจำเลยเป็นการขัดกับคำให้การชั้นสอบสวน เพราะไม่ได้อ้างว่าเนื่องจากเล่นการพนันกัน เมื่อเกิดเหตุแล้วจำเลยก็หนีไปแสดงว่าจำเลยรู้ตัวอยู่แล้วว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด พยานจำเลยที่นำสืบฟังไม่ได้ พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงเมื่อสรุปแล้วฟังได้ว่า จำเลยกับคนอื่นและผู้ตายได้เล่นการพนันเบี้ยโบกที่บ้านผู้ตาย จำเลยเป็นฝ่ายเล่นได้จะเลิก ผู้ร่วมวงขอแก้ตัวก็ไม่ยอมความโกรธเคืองจึงเกิดขึ้นแต่ไม่ใช่ฝ่ายจำเลยโกรธ ไม่มีเหตุผลที่จำเลยจะเอาปืนเที่ยวยิงใคร ๆ ก่อน แต่มีเหตุผลที่ฟังได้แน่ว่าจำเลยถูกรุมตีแล้วปืนจึงดังขึ้น 1 นัด อาวุธปืนของจำเลยตกอยู่ในที่เกิดเหตุที่ข้อมือของจำเลยถูกตีบวมและถลอก แสดงว่าจำเลยถูกตีมือที่ถือปืนปืนจึงตก คงเหลือข้อวินิจฉัยแต่เพียงว่าปืนลั่นเองเพราะถูกตีมือหหรือจำเลยยิง ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยถูกกลุ้มรุมทำร้ายด้วยอาวุธในเวลากลางคืน จำเลยเข้าใจว่าทั้งถูกตีและถูกฟัน ไม่อาจรู้ได้ว่าจะเป็นอันตรายสักเพียงไหน แม้จำเลยยิงก่อนแล้วจึงถูกตีมือ ปืนตกก็เป็นการป้องกันตัวในการที่ถูกรุมทำร้าย การที่ผู้ตายเจ้าของบ้านถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย จำเลยก็ไม่รู้ว่ากระสุนปืนไปถูกผู้ใดตามเหตุผลจำเลยใช้ปืนต่อสู้ก็ต้องยิงไปทางกลุ่มคนที่ทำร้ายหากปืนถูกผู้ตายโดยจำเลยยิง ผู้ตายก็ต้องอยู่ในกลุ่มที่ทำร้ายจำเลยจำเลยกระทำการป้องกันตัวในการที่คนกลุ่มนั้นทำร้าย และไม่มีอาวุธอื่นที่จะใช้ต่อสู้ได้ การป้องกันของจำเลยที่ใช้ปืนยิง เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุแล้ว จำเลยจึงไม่มีความผิด พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์

Share