แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
สัญญาเช่าห้องมีว่า ถ้าผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่า 1 เดือน ถือว่า สัญญาสิ้นสุดโดยไม่ต้องบอกกล่าวเลิกสัญญาดังนี้ เป็นการยกเว้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ใช้บังคับได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาขับไล่จำเลยจากห้องเช่า จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่จำเลยรับมาในคำให้การว่า จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาเช่าห้องโจทก์ตามฟ้องมีรายละเอียดปรากฏตามสัญญาเช่าเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 และ 2 จริง ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยนำสืบพยานก่อน ระหว่างพิจารณาถึงวันนัดสืบพยานจำเลยตัวจำเลยและพยานไม่มาศาล ศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ จึงมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว จำเลยฎีกาว่า ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่รับพิจารณาอุทธรณ์ข้อ ก. และ ข. ของจำเลยเป็นการมิชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ข้อ ก. และ ข. ของจำเลย จำเลยก็มิได้อุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้น ปัญหาที่ไม่รับอุทธรณ์ข้อ ก. และ ข. ของอุทธรณ์จำเลยจึงเป็นอันยุติมิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สำหรับประเด็นข้อ ค. ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ต้องบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 สัญญาเช่าจึงระงับ และการบอกกล่าวนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ศาลฎีกาเห็นว่าตามเอกสารสัญญาเช่าท้ายฟ้องหมายเลข 1 และ2 ข้อ 20 มีข้อความว่า “ถ้าผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่าหนึ่งเดือนติดต่อกันให้ถือว่าผู้เช่าผิดสัญญา และสัญญาเป็นอันสิ้นสุดโดยไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวเลิกสัญญากันอีก” ซึ่งเป็นข้อที่โจทก์จำเลยได้ตกลงกำหนดวิธีการเลิกสัญญาเช่ากันไว้ ไม่ประสงค์จะให้นำบทบัญญัติมาตรา 560 มาใช้บังคับ ข้อตกลงนี้มีผลยังคับได้ โจทก์จำเลยต้องปฏิบัติตาม จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาข้อ 10 โจทก์ก็ทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะเลิกสัญญาเช่าได้ทันที มิจำต้องบอกเลิกล่วงหน้าให้จำเลยทราบ บทบัญญัติมาตรา 560 นี้ หาใช่เป็นบทบัญญัติอันเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่”
พิพากษายืน