แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การโอนขายห้องพิพาทโดยผู้รับโอนจะใช้เป็นที่ค้าขาย มิใช่เพื่อรื้อเอาไปห้องพิพาทเป็นอสังหาริมทรัพย์ เมื่อการโอนขายไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนสิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456
ย่อยาว
คดีนี้ เดิมศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 3, 4, 5, 6 ในฐานะทายาทและจำเลยร่วม ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายเต่ยหรือวันชัย วัฒนนภาเกษม ผู้ตายร่วมกันชำระหนี้ตามเช็ค 54,000 บาท กับค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ จำเลยดังกล่าวไม่ชำระโจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดห้องแถวไม้สองชั้นเลขที่ ค.15 – 16 สองห้อง เลขที่ จ.3 (บ้านเลขที่ 3) หนึ่งห้อง
ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ขึ้นว่า ห้องแถวไม้เลขที่ ค.15 – 16 และเลขที่ จ.3ที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึด ไม่ใช่ของจำเลย เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องได้มาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต ขอให้ปล่อยการยึด
โจทก์ให้การว่า ทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลย การโอนทรัพย์สินระหว่างจำเลยกับผู้ร้องไม่สุจริต สมยอมกับฉ้อฉลโจทก์ ไม่มีการชำระราคา ทำให้โจทก์เสียเปรียบ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า (ข้อเท็จจริง) รับฟังได้ว่าจำเลยร่วมผู้จัดการมรดกของนายเต่ยหรือวันชัยได้โอนขายห้องพิพาททั้งสามห้องมรดกของนายเต่ยหรือวันชัยให้ผู้ร้องโดยได้รับอนุญาตจากรมประชาสงเคราะห์เจ้าของที่ดิน แต่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนสิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้ร้องรับโอนห้องพิพาทจากจำเลยร่วม มิใช่เพื่อรื้อเอาไป แต่เพื่อใช้เป็นที่ค้าขายเครื่องดื่มและค้าของชำและรับโอนยังไม่ครบ 10 ปี ห้องพิพาททั้งสามห้องเป็นอสังหาริมทรัพย์ การโอนขายเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 กรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาทจึงยังเป็นของจำเลยที่ 3, 4, 5, 6 อยู่ ไม่ใช่ของผู้ร้อง ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์
พิพากษายืน