แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยวิ่งหนีเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานแล้วล้มลง ผู้เสียหายเข้าจับกุมจำเลยจำเลยจึงใช้มีดของกลางที่ถือติดมืออยู่ยาวทั้งด้ามและตัวมีดประมาณ 1 คืบ แทงถูกที่บริเวณหน้าท้องของผู้เสียหาย 1 ทีในที่มืดโดยไม่มีโอกาสเลือกแทงเพราะกำลังดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของผู้เสียหาย ดังนี้ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า สิบตำรวจตรีคำพอง มะโนมัย กับพวกตรวจพบจำเลยกับพวกกำลังเล่นการพนันเบี้ยโบกโดยมิได้รับอนุญาต จึงเข้าทำการจับกุมตามอำนาจหน้าที่ จำเลยไม่ยอมให้จับกุม ได้บังอาจต่อสู้ขัดขวางโดยใช้มีดเป็นอาวุธแทงพยายามฆ่าสิบตำรวจตรีคำพองขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 289, 80 และริบมีดของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 289, 80 ให้ลงโทษตามมาตรา 289, 80 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกจำเลยตลอดชีวิต จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้ตามมาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 25 ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138, 297, 298 (ที่ถูกไม่ต้องปรับบทด้วยมาตรา 297 ด้วย) ให้ลงโทษตามมาตรา 298 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90ให้จำคุกจำเลย 10 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ปัญหาขึ้นสู่ศาลฎีกาต้องวินิจฉัยมีเพียงว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าสิบตำรวจตรีคำพอง มะโนมัยผู้เสียหายหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้เสียหายมีบาดแผลถูกแทงที่หน้าท้องข้างขวาส่วนล่างยาวประมาณ 2 เซนติเมตร และแผลที่ลำไส้ใหญ่ส่วนต้นยาวประมาณ 2 เซนติเมตรเท่านั้น พิจารณาตำแหน่งของแผลที่ปรากฏอยู่และความยาวของบาดแผล 2 แห่งนี้แสดงว่าผู้เสียหายถูกแทงจากแผลแรกคือที่หน้าท้องแล้วทะลุไปถูกลำไส้ใหญ่ เป็นการแทงครั้งเดียวสมดังคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนที่โจทก์อ้างส่งศาลว่า ขณะที่จำเลยวิ่งหนีเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของผู้เสียหายในข้อหาฐานเล่นการพนันเบี้ยโบก แล้วจำเลยหกล้ม ทันใดนั้นผู้เสียหายใช้แขนกอด (ล็อก) คอจำเลยไว้ จำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมของกลางที่ถือติดมืออยู่แทงถูกผู้เสียหายเพียง 1 ทีผู้เสียหายปล่อยมือจากการกอดคอจำเลย จำเลยวิ่งหนี ดังนี้ พฤติการณ์ของจำเลยที่กำลังวิ่งหนีให้พ้นจากการจับกุมของผู้เสียหายแล้วล้มลง ผู้เสียหายเข้าจับกุมจำเลยอีก จำเลยจึงแทงผู้เสียหาย 1 ทีในที่มืดโดยไม่มีโอกาสเลือกแทง เพราะกำลังดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของผู้เสียหายอยู่ด้วย และจำเลยแทงถูกผู้เสียหายเพียงแผลเดียวด้วยมีดของกลางซึ่งยาวทั้งด้ามและตัวมีดประมาณ 1 คืบนั้น ข้อเท็จจริงได้ความเพียงเท่านี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามา
พิพากษายืน