แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ น. สั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ย่อมโอนไปเพียงด้วยส่งมอบให้กันเมื่อตกมาอยู่ในความครอบครองของโจทก์โดยฐานเป็นผู้รับเงิน โจทก์จึงเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 และ น. เป็นผู้ลงลายมือชื่อในเช็คย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตามมาตรา 900 ที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่า น. สั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์ (ต่อมา น.ถึงแก่กรรม โจทก์ขอให้จำเลยในฐานะทายาทผู้รับมรดกชำระหนี้) แต่จำเลยปฏิเสธนั้นจะเท็จจริงอย่างไรไม่สำคัญ เพราะเป็นรายละเอียดไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คมาอย่างไร เมื่อเช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกโดยมีมูลหนี้แม้มิได้ลงวันที่สั่งจ่าย โจทก์ในฐานะผู้ทรงก็ชอบที่จะลงวันที่ได้ไม่เป็นการฉ้อฉล จำเลยทั้งสองในฐานะผู้รับมรดกของ น. จึงต้องร่วมกันใช้เงินตามเช็คพร้อมทั้งดอกเบี้ยนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2516 นายนำได้สั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการจำกัด สาขาตรัง ลงวันที่ 15 เมษายน 2516 จำนวน10,000 บาท ชำระหนี้ให้โจทก์ ต่อมาวันที่ 22 มิถุนายน 2516 โจทก์นำเช็คไปเบิกเงิน ธนาคารปฎิเสธการจ่ายเงิน นายนำถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน2516 โจทก์ได้ทวงถามจำเลยในฐานะทายาทผู้รับมรดกให้ชำระหนี้ จำเลยเพิกเฉยขอให้จำเลยชำระเงิน 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 1 เมษายน 2516 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 453.70 บาท และนับตั้งแต่วันฟ้องต่อไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า นายนำได้ออกเช็คพิพาทให้นายก๋าวบิดาโจทก์ตั้งแต่เดือนเมษายน 2511 เพื่อค้ำประกันหนี้เงินที่นายบำรุงยืมจากนายก๋าวต่อมานายบำรุงได้ชำระหนี้ให้แล้ว แต่ไม่ได้ขอเช็คคืน โจทก์คบคิดกับนายก๋าวฉ้อฉลจำเลย โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบและเพิ่งประทับตราออกเช็คเป็นวันที่15 เมษายน 2516 คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 10,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ธนาคารปฎิเสธการจ่ายเงินจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
วินิจฉัยว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คที่นายนำสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ย่อมโอนไปเพียงด้วยส่งมอบให้กัน เมื่อตกมาอยู่ในความครอบครองของโจทก์ในฐาน-ผู้รับเงินโจทก์จึงเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904และนายนำเป็นผู้ลงลายมือชื่อในเช็ค ย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ที่โจทก์กล่าวในฟ้องนายนำสั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองให้การปฎิเสธนั้นจะเท็จจริงอย่างไรไม่สำคัญเพราะเป็นรายละเอียดไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คมาอย่างไรและที่จำเลยทั้งสองนำสืบรับว่านายนำสั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อค้ำประกันเงินกู้ที่นายบำรุงกู้จากนายก๋าวบิดาโจทก์ จึงเป็นเช็คที่ออกโดยมีมูลหนี้ต่อกัน ส่วนข้ออ้างที่ว่าโจทก์กับนายก๋าวคบคิดกันฉ้อฉลโดยเพิ่งประทับตราวันออกเช็คนั้น เห็นว่าเช็คพิพาทมิได้ลงวันที่สั่งจ่าย ก็แสดงโดยปริยายว่าเจตนาจะให้ผู้ทรงลงเอาเองในภายหลัง โจทก์ในฐานะผู้ทรงจึงชอบที่จะกระทำได้ ไม่เป็นการฉ้อฉล โจทก์ฟ้องคดีวันที่ 6 พฤศจิกายน 2516ภายในกำหนด 1 ปี คดีไม่ขาดอายุความ พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น