คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลแขวง เมื่อจำเลยรับสารภาพ ผู้ว่าคดีนำมาฟ้องต่อศาลแขวงด้วยวาจา ศาลบันทึกใจความฟ้องในแบบพิมพ์บันทึกคำฟ้อง ฯลฯ ตามมาตรา 20 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯลฯว่า จำเลยบังอาจตั้งโรงค้าไม้แปรรูปเพื่อทำการจำหน่าย และมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา ดังนี้ถือว่า จำเลยได้กระทำภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ที่รัฐมนตรีได้กำหนดและประกาศตามกฎหมายแล้ว และไม้ที่มีไว้ในครอบครองก็เป็นไม้ประเภทหวงห้ามด้วย ซึ่งไม่ใช่ใจความสำคัญ ศาลจึงไม่บันทึกไว้ ข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์จึงเข้าหลักเกณฑ์เป็นความผิดตามกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษแล้ว
บันทึกที่ว่า “จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา” ซึ่งเป็นตัวพิมพ์ในแบบพิมพ์ ต้องถือว่าศาลได้สอบถามจำเลยแล้วจึงเท่ากับศาลได้บันทึกคำให้การจำเลยตามที่สอบถามด้วยลายมือของศาลเหมือนกัน ย่อมมีผลใช้ได้ตามกฎหมายโดยสมบูรณ์ทุกประการ

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยด้วยวาจาต่อศาลแขวงพระนครใต้ ศาลได้บันทึกคำฟ้อง คำรับสารภาพ และคำพิพากษาในบันทึก ตามมาตรา 20 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง ฯลฯ ซึ่งคำฟ้องมีใจความว่า จำเลยได้บังอาจตั้งโรงค้าไม้แปรรูป เพื่อทำการจำหน่าย และมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 47, 48, 73, 74 ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2494 มาตรา 17ริบของกลาง และในบันทึกมีข้อความเป็นตัวพิมพ์ว่า “จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา” แล้วจึงถึงคำพิพากษาว่า “ผิดตามฟ้อง ลดแล้วปรับ 250 บาท มิชำระจัดการตาม มาตรา 29, 30 ของกลางริบ”

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวว่า โรงค้าไม้แปรรูปและการมีไม้แปรรูปอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ซึ่งรัฐมนตรีได้กำหนดและคัดสำเนาประกาศไว้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว และไม้แปรรูปที่จำเลยมีไว้ก็ไม่กล่าวว่าเป็นไม้ชนิดหวงห้ามตาม พระราชบัญญัตินี้พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คำฟ้องที่โจทก์ทำมาเป็นลายลักษณ์อักษร กับคำฟ้องด้วยวาจาต่างกันในประการสำคัญ คือ คำฟ้องที่ทำมาเป็นลายลักษณ์อักษร ย่อมต้องปรากฏข้อความที่โจทก์ยกขึ้นบรรยายประกอบข้อหาทุกประการ ส่วนคำฟ้องด้วยวาจา กฎหมายบังคับให้ศาลบันทึกไว้แต่ใจความแห่งคำฟ้องเท่านั้น ในคดีนี้ศาลบันทึกใจความฟ้อง ควรถือได้ว่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยด้วยข้อหาว่า จำเลยตั้งโรงค้าไม้แปรรูปและมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตตามที่กฎหมายบังคับไว้ คือ ได้กระทำภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ที่รัฐมนตรีได้กำหนดและประกาศตามกฎหมายแล้ว และไม้ที่มีไว้ในครอบครองก็เป็นไม้ประเภทหวงห้ามด้วย แต่ที่ไม่ปรากฏรายละเอียดเหล่านี้ในบันทึก เพราะไม่ใช่ใจความสำคัญ ศาลจึงมิได้บันทึกไว้เอง จะถือว่าข้อหาตามคำฟ้องไม่เข้าหลักเกณฑ์เป็นความผิดตามกฎหมายที่ขอให้ลงโทษ หาชอบไม่

สำหรับบันทึกที่ว่า “จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา” แม้จะเป็นตัวพิมพ์ก็จริง ก็ต้องถือว่า ศาลได้สอบถามจำเลยแล้ว และจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา จึงเท่ากับศาลได้บันทึกคำให้การจำเลยตามที่สอบถามด้วยลายมือของศาลเหมือนกัน ย่อมมีผลใช้ได้ตามกฎหมายโดยสมบูรณ์

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น

Share