คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สำเนาสัญญาค้ำประกันที่โจทก์ส่งพร้อมฟ้อง มีลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน ผู้ให้กู้ และลายมือชื่อ ผู้เขียนสัญญาและพยานตามต้นสัญญาค้ำประกันที่โจทก์อ้างและส่งศาลมีลายพิมพ์นิ้วมือและเขียนบอกชื่อผู้ค้ำประกันกับมีพยานลงชื่อไว้ 3 คนซึ่งโจทก์ไม่ได้อ้างพยานเหล่านั้นเป็นพยานแต่กลับนำพยานอื่นมาสืบว่าผู้ค้ำประกันลงลายพิมพ์นิ้วมือไว้โดยมีพยาน 3 คนลงชื่อไว้ กับมีพยานอีกคนหนึ่งลงลายมือชื่อไว้ในฐานะผู้เขียนสัญญาแต่อย่างเดียว หาได้มีฐานะเป็นพยานด้วยไม่ส่วนลายมือชื่อผู้ให้กู้ไม่มีดังนี้ ถือว่าโจทก์นำสืบขัดแย้งกับฟ้องของตนเพราะสำเนาสัญญาค้ำประกันเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องและต้องฟังว่าสัญญาค้ำประกันอันเป็นหลักฐานฟ้องผู้ค้ำประกันไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือผู้ค้ำประกันตามบทบัญญัติมาตรา 9 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีผลเท่ากับผู้ค้ำประกันมิได้ลงลายมือชื่อไว้ไม่เป็นหลักฐานที่โจทก์จะนำมาฟ้องได้ตาม มาตรา 680 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้กู้เงินโจทก์ 7,000 บาท จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยผิดนัด จึงขอให้จำเลยทั้งสองใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย

จำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้ว่า ไม่เคยกู้เงินโจทก์ สัญญาตามฟ้องโจทก์ทำปลอมขึ้น

จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า สัญญาค้ำประกันไม่มีพยานรับรองลายมือชื่อตามกฎหมายเป็นโมฆะ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสำเนาหนังสือสัญญาค้ำประกันที่โจทก์ส่งพร้อมฟ้องตอนท้ายมีลายมือชื่อจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันและโจทก์ผู้ให้กู้และลายมือชื่อนายกลับผู้เขียนสัญญา และพยาน และตามต้นสัญญาค้ำประกันที่โจทก์อ้างและส่งศาลปรากฎว่ามีลายพิมพ์นิ้วมือและเขียนบอกชื่อจำเลยที่ 2 ตามคำพยานโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 เอาหัวแม่มือทากะทะแล้วมาแปะในสัญญาและพยานลงลายมือชื่อไว้ 3 คน คือนายทอง นายลองและนายคั่ว โจทก์ไม่ได้อ้างบุคคลทั้ง 3 มาเป็นพยานกลับมีลายมือชื่อนายกลับผู้เขียนสัญญาแต่อย่างเดียวหามีฐานะเป็นพยานไม่ เป็นอันว่า ตามสำเนาสัญญาค้ำประกันที่เสนอพร้อมฟ้องและเป็นส่วนหนึ่งแห่งฟ้องไม่ปรากฏว่ามีพยานตามที่โจทก์นำสืบถึงดังกล่าวลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือผู้ค้ำประกันเลย ที่โจทก์นำสืบมาเป็นการขัดแย้งกับฟ้องของตน ศาลจะรับฟังมิได้ จึงต้องถือว่าสัญญาค้ำประกันอันโจทก์ถือเป็นหลักฐานฟ้องจำเลยที่ 2 ไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ค้ำประกันตามบทบัญญัติในมาตรา 9 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีผลเท่ากับผู้ค้ำประกันมิได้ลงลายมือชื่อไว้ ไม่เป็นหลักฐานที่โจทก์จะนำมาฟ้องร้องได้ ตามมาตรา 680 วรรค 2 ฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 จึงรับไว้พิจารณาไม่ได้

พิพากษาแก้ ให้ยกคำขอที่บังคับว่า ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระเงินรายนี้ก็ให้จำเลยที่ 2 ชำระให้จนครบ นอกนั้นยืนตาม

Share