คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในขณะที่โจทก์ฟ้อง จำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ.2490ก็ดี แต่ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคดี ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2510ประกาศใช้บังคับ ซึ่งตามมาตรา 5 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต นำไปขอรับอนุญาตต่อนายทะเบียนท้องที่ได้ภายใน 90 วัน นับแต่วันใช้บังคับพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2510 จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2511ซึ่งได้รับการยกเว้นโทษตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2510 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างเวลาที่กฎหมายให้สิทธิไม่เอาโทษแก่จำเลยด้วย ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในข้อนี้จึงชอบแล้ว แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาคดีนี้ภายหลังที่ล่วงพ้นระยะเวลา 90 วันตามพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ไม่สำคัญ (อ้างฎีกาประชุมใหญ่ที่ 889/2503)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและใช้ปืนดังกล่าวยิงผู้ตายตายโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ. 2490มาตรา 7, 72 ขอให้ริบปืนกับกระสุนของกลาง

จำเลยให้การว่าปืนของจำเลยมีทะเบียนโดยถูกต้อง จำเลยยิงผู้ตายโดยป้องกันตัว

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยยิงเพื่อป้องกันตัวโดยพอสมควรแก่เหตุส่วนปืนจำเลยได้รับอนุญาตให้ซื้อ แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้มีและพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 5 ก็ยกเว้นให้จำเลยนำไปขออนุญาตต่อนายทะเบียนได้ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นด้วยกับศาลชั้นต้น แต่พิพากษาแก้ให้คืนปืนและกระสุนของกลางให้จำเลย

โจทก์ฎีกาเฉพาะข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ขอให้ลงโทษและริบของกลาง

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ในขณะที่โจทก์ฟ้องจำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ดังโจทก์ฎีกาก็ดี แต่ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนี้ ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 ประกาศใช้บังคับ ซึ่งตามมาตรา 5 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตนำไปขอรับอนุญาตต่อนายทะเบียนท้องที่ได้ภายใน 90 วัน นับแต่วันใช้บังคับพระราชบัญญัติฉบับนี้คือตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2510 จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2511 ซึ่งได้รับการยกเว้นโทษตามกฎหมายศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2510 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างเวลาที่กฎหมายให้สิทธิไม่เอาโทษแก่จำเลยด้วย ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในข้อนี้จึงชอบแล้ว แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาคดีนี้ภายหลังที่ล่วงพ้นระยะเวลา 90 วันตามพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ไม่สำคัญดังนัยฎีกาประชุมใหญ่ที่ 889/2503

พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share