คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 และผู้ตายสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันไม่ถือว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยที่ 1 ร้องให้ช่วย. จำเลยที่ 2 จึงเอาเหล็กงัดยางกว้าง 2 นิ้ว หนา 1 กระเบียด ยาวศอกเศษ ตีผู้ตายที่ศีรษะและดั้งจมูกโดยแรง จนผู้ตายล้มฟุบลงแล้วจำเลยที่ 1 ก็เอามีดซึ่งหลุดจากมือผู้ตายมาแทงผู้ตายและผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและจำเลยที่ 2 ก็เป็นตัวการในการกระทำความผิดนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่ถือว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยที่ 1 โดยชอบด้วยกฎหมายเพราะจำเลยที่ 2 ได้รู้เห็นว่าจำเลยที่ 1 และผู้ตายสมัครใจวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันใช้ไม้ตะบอง เหล็กงัดยางรถยนต์และมีดปลายแหลมเป็นอาวุธ ตีและแทงทำร้ายนายสุดชา วุฒิงามโดยเจตนาฆ่า ทำให้นายสุดชาได้รับบาดแผลเป็นอันตรายแก่กายถึงสาหัสและถึงแก่ความตายด้วยบาดแผลที่ถูกทำร้ายนั้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 297, 83 และริบของกลาง

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 83 ให้จำคุกคนละ 16 ปี ของกลางริบ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 กับผู้ตายสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน มิใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ เพราะถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เพราะฉวยโอกาสแทงในขณะที่ผู้ตายล้มฟุบอยู่และเลือกแทงในที่สำคัญจนผู้ตายถึงแก่ความตาย ส่วนจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 1 ร้องให้ช่วยจึงเอาเหล็กงัดยางกว้าง 2 นิ้ว หนา 1 กระเบียดยาวศอกเศษตีผู้ตายที่ศรีษะและดั้งจมูกโดยแรงจนดั้งจมูกยุบ จำเลยที่ 2 ได้รู้เห็นว่าจำเลยที่ 1 และผู้ตายสมัครใจวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน จำเลยที่ 2 จะอ้างว่ากระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยที่ 1 โดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้ พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ที่กระทำลงไปได้ชื่อว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิด จึงเป็นตัวการในการกระทำความผิดนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83

พิพากษายืน

Share