แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยอายุไม่เกิน 17 ปี กระทำผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ส่งจำเลยไปฝึกยังสถานฝึกอบรมเด็กและเยาวชนจนกว่าจะมีอายุ 18 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจะฎีกาคัดค้านดุลพินิจของศาลที่ให้ส่งตัวจำเลยไปยังสถานฝึกอบรมนั้นไม่ได้เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 เพราะการที่ศาลสั่งให้ส่งตัวจำเลยไปยังสถานฝึกอบรมเด็กและเยาวชนนั้นไม่ใช่การลงโทษแต่เป็นวิธีการที่เบากว่าการลงโทษจำคุก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจเข้าไปลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 แต่จำเลยอายุไม่เกิน 17 ปี จึงให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานฝึกอบรมเด็กและเยาวชนจนกว่าจำเลยจะมีอายุ 18 ปี
จำเลยอุทธรณ์ขอให้จำเลยไปอยู่กับผู้ปกครอง โดยให้ผู้ปกครองรับรองไว้ต่อศาล
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ส่งตัวจำเลยไปยังสถานฝึกอบรมเด็กและเยาวชนนั้น เหมาะสมแล้ว พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218บัญญัติว่าในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่าง หรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่โทษจำคุกไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง การที่ศาลสั่งให้ส่งตัวจำเลยไปยังสถานที่ฝึกและอบรมเด็กนั้น มิใช่การลงโทษ แต่เป็นวิธีการที่เบากว่าการลงโทษจำคุก ที่จำเลยฎีกาขึ้นมานั้นก็เป็นเพียงคัดค้านดุลพินิจของศาลเท่านั้น จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาตามกฎหมายดังกล่าว จึงให้ยกฎีกาของจำเลยเสีย