แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 ในฐานะพนักงานสอบสวนยึดรถยนต์ของโจทก์ซึ่งชนกับรถของกรมตำรวจไว้เพื่อประกอบการสอบสวนดำเนินคดีซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เมื่อได้กระทำไปโดยสุจริตมิได้เจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์เสียหาย ไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2508 รถจี๊ปของกรมตำรวจซึ่งจำเลยที่ 1 นั่งมาได้ชนกับรถยนต์บรรทุกของโจทก์ รุ่งขึ้นจำเลยที่ 2 ในตำแหน่งเจ้าพนักงานตำรวจผู้บังคับกองเมือง ได้ยึดรถของโจทก์ไว้เพื่อการสอบสวนและได้ส่งมอบแก่โจทก์ในวันที่ 21 เดือนเดียวกันครั้นวันที่ 23 เดือนนั้นเอง จำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานตำรวจประจำกองกำกับการตำรวจภูธรได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ได้ใช้ให้จำเลยที่ 2, 3, 4 ไปยึดรถคันดังกล่าวของโจทก์มากักไว้ที่สถานีตำรวจโดยอ้างว่าให้พนักงานสอบสวนประกอบการดำเนินคดี ซึ่งความจริงไม่มีอำนาจกระทำได้โดยชอบ หากแต่ประสงค์จะกลั่นแกล้งไม่ให้โจทก์นำรถไปใช้สอย การกระทำละเมิดของจำเลยทั้ง 4 คน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายวันละ 800 บาท นับจนถึงวันฟ้องรวม 37 วันเป็นเงิน 29,600 บาท ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยในจำนวนเงินดังกล่าว จนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้คืนรถหรือใช้ราคา 60,000 บาท
จำเลยทั้ง 4 คนให้การต่อสู้ว่าได้ยึดรถยนต์โจทก์ไว้เป็นของกลางเพื่อประกอบการสอบสวนดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่ในฐานะพนักงานสอบสวนภายหลังที่จำเลยที่ 2 ได้มอบรถคืนให้โจทก์ไปเพราะเหตุที่พยานบางคนยังป่วยอยู่แล้ว ได้แจ้งให้นำรถมาส่งมอบเพื่อการสอบสวนคดี โจทก์ยังไม่ยอมส่งมอบจนต่อเมื่อได้ชี้แจงเหตุผลให้ทราบแล้ว จึงยอมให้ยึดไว้และจากนั้นได้นำรถของกลางไปทำหลักฐานการสอบสวนคดี
ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 3 มรณะ ศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องสำหรับจำเลยที่ 3
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 2, 3, 4 ไปยึดรถยนต์โจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 ฟังว่ายึดมาเพื่อใช้ในการสอบสวนคดี จึงอยู่ในอำนาจที่จะทำได้ไม่เป็นละเมิด สำหรับจำเลยที่ 4 เห็นว่าไม่ได้ร่วมยึดรถด้วยพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 ได้ยึดรถยนต์ของโจทก์ครั้งที่สองไว้ก็เพื่อให้พยานซึ่งทุเลาจากการป่วยและเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ดูสภาพของรถ จำเลยได้ทำการตรวจสภาพรถ ถ่ายภาพไว้ตลอดจนได้นำรถไปที่เกิดเหตุ เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ยึดรถโจทก์ไว้เพื่อประกอบการสอบสวนโดยสุจริตมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพนักงานสอบสวนซึ่งมีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85, 132การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นละเมิด ส่วนจำเลยที่ 1 และ 4 ก็ไม่ได้ความว่าได้ทำละเมิดต่อโจทก์
พิพากษายืน