แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คำร้องของจำเลยขอให้กำหนดเวลาให้จำเลยวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เป็นเรื่องการขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ย่อมเป็นผลสืบเนื่องมาจากการยกคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินของจำเลย หากศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินก็จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไม่ได้ การอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาวางเงิน จำเลยชอบที่จะยื่นอุทธรณ์ได้ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่จำเลยทราบคำสั่งศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 หากศาลอุทธรณ์ขยายระยะเวลาวางเงินให้แก่จำเลย คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยย่อมเป็นอันตกไปเนื่องจากจำเลยยังสามารถวางเงินได้อีกจึงไม่ใช่กรณีอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ศาลอุทธรณ์จึงต้องวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยว่าสามารถขยายระยะเวลาวางเงินให้จำเลยหรือไม่ แล้วมีคำพิพากษาไปตามรูปคดี การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไปในกรณีอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ จึงเป็นการไม่ชอบ
จำเลยได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินไปถึงวันที่ 17 มีนาคมการที่จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินอีกครั้งในวันที่ 21 เมษายนจึงเป็นการขอขยายระยะเวลาภายหลังจากระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้สิ้นไปแล้ว ในกรณีเช่นนี้จะขยายระยะเวลาให้จำเลยได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัย แต่ตามคำร้องของจำเลยอ้างว่าทนายจำเลยคนเดิมมิได้แจ้งให้ทนายจำเลยคนใหม่ทราบถึงเรื่องที่ยังไม่ได้วางเงิน ซึ่งเป็นความบกพร่องของทนายจำเลยเอง จึงไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัยที่จะขยายระยะเวลาวางเงินให้จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 7,316,301 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี จากต้นเงิน 6,810,456.10 บาท นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2540เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยก่อนฟ้องต้องไม่เกิน659,588 บาท หากไม่ชำระหนี้หรือชำระหนี้ไม่ครบถ้วน ให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 196593, 197074 ตำบลคลองตัน (บางกะปิฝั่งใต้) ตำบลคลองเตย(บางกะปิฝั่งใต้) อำเภอพระโขนง (บางกะปิ) กรุงเทพมหานครพร้อมสิ่งปลูกสร้างนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ หากไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วนกับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายให้ โดยยื่นคำร้องลงวันที่ 2 มีนาคม 2542 ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ออกไป 15 วัน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมไปถึงวันที่ 17 มีนาคม 2542และมีคำสั่งในอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ว่า รอไว้สั่งเมื่อจำเลยที่ 1 วางเงินค่าธรรมเนียมแล้ว หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 มิได้วางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ภายในกำหนดที่ศาลชั้นต้นขยายระยะเวลาให้ วันที่ 21เมษายน 2542 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่าเมื่อทนายจำเลยที่ 1 คนเดิมยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ได้แล้วได้มอบสำนวนให้ทนายจำเลยที่ 1 คนใหม่ดำเนินการต่อไปตามที่จำเลยที่ 1แต่งตั้ง โดยมิได้แจ้งให้ทนายจำเลยที่ 1 คนใหม่ทราบถึงเรื่องที่ยังไม่ได้วางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ทนายจำเลยที่ 1 คนใหม่เข้าใจว่ามีการวางเงินดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เมื่อตรวจสำนวนจึงทราบว่ายังมิได้วางเงินดังกล่าว แต่ล่วงเลยเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายให้ไปแล้วขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยที่ 1 วางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันที่ 26 เมษายน2542 ว่า ไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ และศาลชั้นต้นสั่งในอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1ในวันเดียวกันว่า จำเลยที่ 1 ไม่วางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ภายในกำหนด จึงไม่รับอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวในวันที่ 28 เดือนเดียวกัน
จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2542 อ้างว่ามีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยที่ 1 วางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ได้ขอให้ศาลอุทธรณ์กลับคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ฉบับลงวันที่ 21 เมษายน 2542 โดยอนุญาตให้จำเลยที่ 1 วางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ภายในเวลาที่กำหนด และรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ด้วย
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2542 ซึ่งจำเลยที่ 1 ทราบคำสั่งแล้ว แต่จำเลยที่ 1เพิ่งมายื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ (ที่ถูกจะต้องทำเป็นคำร้อง) เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2542 จึงเกินกำหนดเวลา 15 วัน ทั้งมิได้วางเงินหรือหาประกันสำหรับหนี้ที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 จึงให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่ได้อนุญาตให้ขยายเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์มิได้อุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ ขอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 ตามข้อเท็จจริงที่ถูกต้องนั้น เห็นว่า คำร้องของจำเลยที่ 1ฉบับลงวันที่ 21 เมษายน 2542 ขอให้กำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 วางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ เป็นเรื่องการขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นผลสืบเนื่องมาจากการยกคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1ดังกล่าว หากศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แก่จำเลยที่ 1 ก็จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ไม่ได้ การอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ชอบที่จะยื่นอุทธรณ์ได้ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ 1ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นอันเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 229 หากศาลอุทธรณ์ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แก่จำเลยที่ 1 คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นอันตกไปเนื่องจากจำเลยที่ 1 ยังสามารถวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ได้อีกจึงมิใช่กรณีอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ซึ่งจำเลยที่ 1 ต้องยื่นเป็นคำร้องภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นและต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ศาลอุทธรณ์จึงต้องวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 ว่า สามารถขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 หรือไม่ แล้วมีคำพิพากษาไปตามรูปคดี ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไปในกรณีอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์จึงเป็นการไม่ชอบฎีกาของจำเลยที่ 1ฟังขึ้น แต่เมื่อคดีมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาที่ว่ามีเหตุอันควรขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 หรือไม่ไปเสียเอง โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่ ในปัญหาดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ไปถึงวันที่ 17 มีนาคม 2542 การที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 21 เมษายน 2542 จึงเป็นการขอขยายระยะเวลาภายหลังจากระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้สิ้นไปแล้ว ในกรณีเช่นนี้จะขยายระยะเวลาให้จำเลยที่ 1 ได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัย คือ เหตุที่ทำให้จำเลยที่ 1 ไม่สามารถยื่นคำร้องเสียก่อนสิ้นระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้ในครั้งแรกด้วย แต่เหตุผลตามคำร้องของจำเลยที่ 1ที่ว่าทนายจำเลยที่ 1 คนเดิมมิได้แจ้งให้ทนายจำเลยที่ 1 คนใหม่ทราบถึงเรื่องที่ยังไม่ได้วางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นั้นเป็นความบกพร่องของทนายจำเลยที่ 1 เอง กรณีจึงมิใช่พฤติการณ์พิเศษและมิใช่เหตุสุดวิสัยที่จะขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องลงวันที่ 2 มีนาคม 2542ของจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 1 มิได้ยกขึ้นอ้างไว้ในคำร้องลงวันที่ 21 เมษายน2542 จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ และยกคำร้องของจำเลยที่ 1ตามคำสั่งศาลชั้นต้น