แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ทนายโจทก์ไม่ทราบว่าโจทก์ตายจึงยื่นฎีกาในฐานะทนายโจทก์ปรากฏว่าไม่มีผู้รับมรดกจนเกิน 1 ปี นับแต่โจทก์ตายศาลฎีกาจำหน่ายคดี
ย่อยาว
ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มและมีอุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดี กับฎีกาคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ทนายโจทก์ยื่นฎีกานี้โดยไม่ทราบว่าโจทก์ตาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “หลังจากศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์แล้ว จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า ฎีกาดังกล่าวนั้นทนายโจทก์นำมายื่นเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2521 โดยทนายโจทก์เซ็นชื่อแทนนายยุทธ หมู่พยัคฆ์ โจทก์นั้น ปรากฏว่านายยุทธ หมู่พยัคฆ์ โจทก์ได้ถึงแก่กรรมไปแล้วตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2521 ปรากฏตามสำเนามรณะบัตรท้ายคำร้องส่วนต้นฉบับอยู่ที่นางเจริญ หมู่พยัคฆ์ ภริยาของนายยุทธ หมู่พยัคฆ์ ในสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 182/2521 ของศาลจังหวัดนครสวรรค์ซึ่งนางเจริญ หมู่พยัคฆ์กับพวกร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกส่วนในคดีนี้ เมื่อนายยุทธ หมู่พยัคฆ์ โจทก์ถึงแก่กรรมแล้ว ทนายก็ต้องขาดจากการเป็นทนาย จึงมาเซ็นชื่อเป็นโจทก์แทนนายยุทธอีกไม่ได้ และไม่มีผู้ใดมาร้องขอรับมรดกความแทนนายยุทธ คดีขาดอายุความฎีกาแล้ว ขอให้ยกฎีกา
ศาลชั้นต้นนัดพร้อม ทนายโจทก์แถลงว่าเพิ่งทราบว่านายยุทธโจทก์ถึงแก่กรรมเมื่อได้รับสำเนาคำร้องของจำเลย ก่อนนั้นไม่ทราบ จึงได้ยื่นฎีกาฉบับลงวันที่ 9 มิถุนายน 2521 และรับว่านายยุทธโจทก์ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2521 จริง
ได้ความดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า บัดนี้เป็นเวลาเกินกำหนด 1 ปีนับแต่วันที่นายยุทธ หมู่พยัคฆ์ โจทก์ ได้มรณะ ไม่ปรากฏว่ามีทายาทของผู้มรณะ หรือผู้จัดการทรัพย์มรดกของผู้มรณะเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะทั้ง ๆ ที่ปรากฏในสำนวนคดีนี้แล้วว่ามีผู้ยื่นคำขอเป็นผู้จัดการมรดกต่อศาลแล้ว จึงให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความของศาลฎีกา ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ”