คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สำเนาเอกสารสัญญาเช่าเฉพาะที่โจทก์ส่งให้จำเลยนั้นกล่าวชื่อบริษัทเช็คโกสโลวาเกียนสยามจำกัดผิดไปเป็นชื่อสินสยามจำกัด ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องไว้อีกสำนวนหนึ่ง และศาลได้เห็นเหตุแล้วว่าเป็นแต่เพียงผิดพลาดในการสอดแนบเอกสาร จึงไม่ใช่เป็นการฟ้องผิดตัว
ต้องระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยาน 3 วันนั้น ย่อมหมายถึงวันสืบพยานจริงๆ ถึงวันนัดแม้ยังมิได้ระบุพยานไว้ แต่เมื่อมีเหตุอันสมควร ศาลก็อนุญาตให้เลื่อนไปได้
แม้ผู้ให้เช่าจะได้ให้คำมั่นว่าครบสัญญาแล้วจะให้เช่าต่ออีก 3 ปี เมื่อปรากฏว่าครบสัญญาแล้วจำเลยผู้เช่าได้เช่าต่ออีก 3 ปีแล้ว ดังนี้จึงไม่มีอะไรที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยจะต้องได้เช่าต่อไปอีก 3 ปี(อ้างฎีกาที่ 1061/2491)

ย่อยาว

คดี 2 สำนวนนี้พิจารณารวมกัน โจทก์ฟ้องมีใจความต้องกันว่า โจทก์ได้เช่าตึก 3 ชั้นเลขที่ 1191 ถนนเจริญกรุง พระนครมาจากนายสละและนายประสิทธิ์ แล้วโจทก์ได้ให้จำเลยเช่าช่วงเฉพาะชั้นล่างและชั้นกลางดังปรากฏตามสำเนาท้ายฟ้อง จำเลยผิดสัญญาเปลี่ยนแปลงสภาพตึกโดยไม่ได้รับอนุญาต เอาตึกที่เช่าชั้นล่างไปให้บริษัทวิลลิส เอช เปิด จำกัด เช่าช่วงโดยไม่ได้รับอนุญาต สัญญาเช่าช่วงได้สิ้นกำหนดตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2497โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแล้วจำเลยไม่ส่งมอบ จึงขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร

ในสำนวนแรกจำเลยต่อสู้ว่าไม่เป็นความจริงสัญญาเช่าช่วงท้ายฟ้องไม่มีชื่อจำเลยเช่าช่วงตึกพิพาทจำเลยไม่ได้ทำสัญญากับโจทก์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

ก่อนชี้สองสถาน โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้สัญญาเช่าช่วงเฉพาะฉบับที่ส่งให้จำเลย ซึ่งมีข้อความระบุว่าบริษัทสินสยามเป็นผู้เช่าช่วงเป็นบริษัทเช็คโกสโลวาเกียสยามจำกัด ผู้เช่าช่วง โดยอ้างว่าผิดพลาดไปศาลอนุญาตให้โจทก์แก้ได้ เพราะเห็นว่าผิดพลาดเฉพาะสำเนาเอกสารฉบับที่ส่งให้จำเลย และให้จำเลยยื่นคำให้การแก้ฟ้องใหม่ได้จำเลยจึงยื่นคำให้การว่าจำเลยไม่ได้เช่าช่วงจากโจทก์ นางมานิดา เตลานไปทำหนังสือเช่าช่วงอย่างไรกับโจทก์ จำเลยไม่รับรู้เพราะมิได้ประทับตราบริษัทจำเลยในสัญญาเช่าช่วง จำเลยไม่ต้องรับผิดโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยไม่ได้ประพฤติผิดสัญญาตามฟ้อง จำเลยไม่ได้รับบอกเลิกการเช่าจากโจทก์

สำหรับสำนวนหลัง จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่ผิดสัญญาตามฟ้อง ตามสำเนาสัญญาเช่าช่วงหมายเลข 2 ท้ายฟ้องครบกำหนดการเช่าระยะ 3 ปี เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2497 จริง แต่ตามสัญญาข้อ 7 โจทก์ให้คำมั่นว่าโจทก์จะต่อสัญญาให้อีก 3 ปี จึงยังไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลย ขอให้บังคับโจทก์ต่อสัญญาเช่าให้จำเลยอีก 3 ปี

ศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาขับไล่จำเลยทั้ง 2 กับบริวารออกจากสถานที่เช่าที่โจทก์ฟ้อง และให้ยกฟ้องแย้งจำเลยในคดีดำที่498/2497

จำเลยทั้ง 2 อุทธรณ์ทั้งในปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงโดยศาลชั้นต้นรับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยฎีกาได้แต่เฉพาะในข้อกฎหมาย

1. ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ฟ้องผิดตัว ศาลไม่ควรอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องนั้น เห็นว่าเป็นแต่สำเนาเอกสารสัญญาเช่าเฉพาะที่โจทก์ส่งให้จำเลยนั้นกล่าวชื่อบริษัทเช็คโกสโลวาเกียนสยาม จำกัดผิดไปเป็นชื่อบริษัทสินสยาม จำกัด ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องไว้อีกสำนวนหนึ่งและศาลได้เห็นเหตุแล้วว่าเป็นแต่เพียงการผิดพลาดในการสอดแนบเอกสารไม่ใช่เป็นการฟ้องผิดตัวดังที่จำเลยกล่าวอ้าง

2. ต้องระบุพยานก่อนวันสืบพยาน 3 วัน วันสืบพยานตามความใน มาตรา 88 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นย่อมหมายความถึงวันสืบพยานจริง ๆ ถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ยังไม่ได้ระบุพยานก่อน 3 วัน แต่เมื่อวันนั้นมีเหตุสมควรต้องเลื่อนคดีไป ศาลก็อนุญาตให้เลื่อนได้ ดังได้มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้แล้ว เช่นฎีกาที่1061/2491 ระหว่างห้างเอม ที เอส มารีกันฯ โจทก์คณะกรรมการกักคุมตัวและควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติ จำเลย

3. ที่โจทก์ให้คำมั่นในสัญญาเช่าว่า เมื่อครบกำหนดเช่าแล้วจะให้เช่าต่อไปอีก 3 ปีนั้น เมื่อปรากฏว่าเมื่อครบกำหนดตามสัญญาเช่าจำเลยก็ได้เช่าต่อมาจนครบอีก 3 ปี ดังนี้จึงไม่มีอะไรที่จำเลยจะอ้างได้แล้วว่าจำเลยจะต้องได้เช่าต่อไปอีก 3 ปี ตามคำฟ้องแย้งของจำเลย ฯลฯ ศาลฎีกาพิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share