แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.201 ที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2499 นำมาใช้ในกรณีที่มีการฎีกาด้วย
คดีก่อน มารดาผู้ตายฟ้องจำเลยหาว่าฆ่าผู้ตายโดยเจตนาศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้องเพราะคดีไม่มีมูล คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว อัยการจะมาฟ้องจำเลยในเรื่องเดียวกันนั้นอีกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.39(4)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่านายเอี่ยมตายโดยเจตนา
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วในข้อเท็จจริง วินิจฉัยว่าพยานโจทก์ไม่มีทางจะลงโทษจำเลยได้ และในข้อกฎหมายวินิจฉัยว่า เรื่องเดียวกันนี้ จำเลยได้ถูกนางเหลือมารดา นายเอี่ยมผู้ตายเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยครั้งหนึ่งแล้วตามคดีแดงที่ 760/2498 ในคดีนั้นศาลได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ เพราะคดีไม่มีมูล คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปแล้วตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 ข้อ 4 อัยการจึงไม่มีสิทธิจะฟ้องคดีนี้ได้อีก พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยอาศัยข้อกฎหมายอย่างเดียวกัน
โจทก์ฎีกาว่า คดีที่นางเหลือมารดาผู้ตายฟ้องจำเลยต่อศาลนั้น เป็นคดีอยู่ในระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง ศาลไม่ประทับฟ้องเพราะคดีไม่มีมูล จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วปรากฏตามหนังสือนายอำเภอว่า จำเลยได้ออกไปจากท้องที่ไม่ทราบกำหนดกลับไม่สามารถส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยได้ศาลชั้นต้นสั่งว่า ถือว่าหาตัวจำเลยไม่พบ ส่งสำนวนไปศาลฎีกา ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 201 ที่แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ. 2499 ให้ส่งสำนวนไปเพื่อทำการพิจารณาพิพากษาต่อไป และวินิจฉัยว่า สิทธิการฟ้องคดีได้ระงับสิ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) กับอ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1382/2492 ระหว่างอัยการกรมอัยการโจทก์ นายพันธ์ รังสีพราหมณ์กุลจำเลยมาประกอบ ซึ่งวินิจฉัยไว้ทำนองเดียวกันพิพากษายืน