คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 ได้ออกเช็คโดยประทับตราห้างจำเลยที่ 1 ให้ แก่ น. น. โอนเช็คนี้ให้โจทก์เช็คดังกล่าวเป็นเช็คสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือโอนกันได้เพียงด้วยการส่งมอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 918 ประกอบด้วยมาตรา989 โจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 904 จำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อเพียงแต่ประทับตราห้างจำเลยที่ 1 ไว้ในเช็ค จึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900,901
แม้จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ น. เพื่อเป็นประกันเช็คของบุคคลอื่น โดย น. รับรองกับจำเลยว่าจะไม่เอาเช็คไปใช้จำเลยก็ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916
เช็คไม่ได้ลงวันที่ออกไว้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายกระทำโดยสุจริตจะจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910 ประกอบมาตรา 989

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่งจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อและประทับตราของจำเลยที่ 1เป็นผู้สั่งจ่ายเงิน 80,000 บาท โจทก์ได้รับเช็คจากนายนิมิตร อุ่นจิตติกุล สลักหลังมอบให้โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์นำไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บ แต่เรียกเก็บเงินไม่ได้ โดยธนาคารแจ้งว่า “เช็คระงับจ่าย” ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็ค ไม่ใช่ผู้เสียหาย เช็คพิพาทยังไม่ได้กรอกข้อความสั่งจ่ายเงินแก่ผู้ใด มีผู้ทุจริตร่วมกับนายนิมิตร อุ่นจิตติกุล และโจทก์ปลอมแปลงเอกสารเช็คดังกล่าวขึ้น โดยนำเช็คที่จำเลยที่ 1 ลงชื่อประทับตราไว้แล้วไปกรอกวันเดือน ปี และจำนวนเงินลง จำเลยที่ 1 จึงแจ้งธนาคารขอให้ระงับการจ่ายเงินตามเช็คนี้ไว้ โจทก์ฟ้องโดยไม่สุจริต

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 80,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 2 ได้ออกเช็คพิพาทโดยประทับตราห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 ให้แก่นายนิมิตร อุ่นจิตติกุล และนายนิมิตรได้โอนเช็คฉบับนี้ให้โจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 2 ทราบว่านายนิมิตรมอบเช็คพิพาทให้โจทก์ จำเลยจึงแจ้งธนาคารอายัดเช็คพิพาทไว้ มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คประเภทสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ จึงโอนกันได้เพียงด้วยส่งมอบให้กันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 918 ประกอบด้วยมาตรา 989 นายนิมิตร อุ่นจิตติกุล ได้นำเช็คพิพาทมาขอแลกเงินสดไปจากโจทก์ โจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 904 เมื่อจำเลยรับว่าเป็นผู้ลงลายมือชื่อเพียงแต่ประทับตราห้างจำเลยที่ 1 ไว้ในเช็คพิพาท จำเลยต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900, 901 และแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้นายนิมิตร อุ่นจิตติกุล เพื่อเป็นประกันเช็คของบุคคลอื่นโดยนายนิมิตรรับรองกับจำเลยว่าจะไม่เอาเช็คพิพาทไปใช้ดังที่จำเลยทั้งสองฎีกาก็ตาม จำเลยทั้งสองก็ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล ซึ่งจำเลยก็มิได้ให้การว่าโจทก์รับเช็คฉบับนี้มาโดยสมคบกับนายนิมิตรด้วยคบคิดกันฉ้อฉลแต่อย่างใดจึงต้องถือว่าโจทก์รับโอนมาสุจริต

ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า เช็คพิพาทไม่ได้ลงวันเดือนปีสั่งจ่าย การที่โจทก์จดวันเดือน ปีลงในเช็คตามอำเภอใจเป็นการปลอมแปลงอย่างแน่ชัด โจทก์จึงมิใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า ถึงแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าเช็คพิพาทจะไม่ได้ลงวันที่ออกไว้ก็ตาม โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย กระทำโดยสุจริตจะจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงก็ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910 ประกอบด้วยมาตรา 989 จึงไม่เป็นการปลอมแปลงแต่อย่างใด

พิพากษายืน

Share