แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยฐานมีอาวุธปืนฯ 1 ปี และฐานพกอาวุธปืนฯ 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอการลงโทษ การที่โจทก์ฎีกา ขอมิให้รอการลงโทษจำเลยนั้น เป็นฎีกาในเรื่องดุลพินิจของศาล จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
การที่จะปรับว่าคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาในฐานความผิดเป็นกระทงๆ ไป คดีนี้เป็นความผิด 2 กระทง แต่ละกระทงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะให้รอการลงโทษจำคุกจำเลย โจทก์ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก มีหมายเลขทะเบียนซึ่งเป็นของผู้อื่น กับมีกระสุน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในเมืองฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 พ.ศ. 2519 ข้อ 3, 6, 7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 91ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2514 ข้อ 2 ลงโทษฐานมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 ปี และฐานพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 1 ปี รวมจำคุก 3 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี6 เดือน ริบกระสุนปืน ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำเลยไว้มีกำหนด 3 ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ฎีกาขอมิให้รอการลงโทษจำเลยนั้นเป็นฎีกาในเรื่องดุลพินิจของศาล จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง การที่จะปรับว่า คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น ชอบที่จะต้องพิจารณาในฐานความผิดเป็นกระทง ๆ ไป คดีนี้เป็นความผิด 2 กระทง แต่ละกระทงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี แม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะให้รอการลงโทษจำคุกจำเลย โจทก์ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517มาตรา 6
พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์