คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีแพ่งนั้นเมื่อจำเลยถูกฟ้องแล้ว นอกจากจำเลยจะให้การปฏิเสธแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิหักกลบลบหนี้และฟ้องแย้งได้หากหนี้นั้นมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกันและถึงกำหนดชำระแล้วและเมื่อฟังว่าหนี้ที่ขอหักกลบลบหนี้มิใช่เป็นหนี้ที่มีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยก็ย่อมได้ประโยชน์และศาลจะต้องพิพากษาให้ในจำนวนที่เหลือจากหักกลบลบหนี้กันแล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้เงินตามเช็ค จำเลยฟ้องแย้งว่าภายหลังออกเช็คให้โจทก์แล้ว โจทก์ได้มาซื้อสินค้าจากจำเลยไปเมื่อคิดหักหนี้กันแล้วโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยอยู่ ดังนี้ หนี้สองรายนี้ต่างเป็นหนี้เงินด้วยกันและถึงกำหนดชำระแล้วทั้งสองฝ่ายเมื่อฟังเป็นจริงด้วยกัน แล้วก็ย่อมหักกลบลบหนี้ด้วยกันได้ และจำนวนเงินที่เหลือที่โจทก์จะต้องชำระให้จำเลยนั้นก็เกิดจากนำยอดเงินตามเช็คที่โจทก์ฟ้องมาหักจึงถือได้ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์ และเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177, 179 วรรคท้าย จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินเพื่อชำระหนี้โจทก์ ต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ขอให้จำเลยใช้เงินตามเช็คและดอกเบี้ย

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ภายหลังที่ออกเช็คให้โจทก์แล้ว โจทก์ซื้อสินค้าจากจำเลยไปหลายครั้ง เมื่อคิดหักหนี้กันแล้วโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยเป็นเงินจำนวนหนึ่ง จึงฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระหนี้และดอกเบี้ยจากยอดเงินที่เป็นลูกหนี้

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยซื้อสินค้าเชื่อจากโจทก์ เมื่อคิดหักหนี้กันแล้ว จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ จำเลยออกเช็คดังกล่าวให้โจทก์ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยขอผัดผ่อน โจทก์จึงเอาสินค้าจากจำเลยไปเป็นเงินตามจำนวนที่ฟ้องแย้ง เพื่อหักหนี้ที่จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามเช็ค ขอให้ยกฟ้องแย้ง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องให้โจทก์ใช้เงินจำนวนตามฟ้องแย้ง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้ว คดีมีปัญหาสู่ศาลฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายประการเดียวว่าจำเลยมีสิทธิฟ้องแย้งได้หรือไม่ เห็นว่าในคดีแพ่งนั้นเมื่อจำเลยถูกฟ้องแล้ว นอกจากจำเลยจะปฏิเสธแล้วจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะหักกลบลบหนี้และฟ้องแย้งได้ หากหนี้นั้นมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกัน และถึงกำหนดชำระแล้ว และเมื่อฟังได้ว่าหนี้ที่ขอหักกลบลบหนี้มิใช่เป็นหนี้ที่มีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยก็ย่อมได้ประโยชน์และศาลจะต้องพิพากษาให้ในจำนวนที่เหลือจากหักกลบลบหนี้กันแล้ว คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้เงินตามเช็ค จำเลยฟ้องแย้งว่าภายหลังออกเช็คให้โจทก์แล้ว โจทก์ได้มาซื้อสินค้าเชื่อจากจำเลยไป เมื่อคิดหักหนี้กันแล้วโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยอยู่ ดังนี้ เห็นว่าหนี้ 2 รายนี้ต่างเป็นหนี้เงินด้วยกัน และถึงกำหนดชำระแล้วทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อฟังเป็นจริงด้วยกันแล้ว ก็ย่อมหักกลบลบหนี้กันได้และจำนวนเงินที่เหลือที่โจทก์จะต้องชำระให้จำเลยนั้นก็เกิดจากนำยอดเงินตามเช็คที่โจทก์ฟ้องมาหัก จึงถือได้ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับคำฟ้องเดิมของโจทก์และเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาแล้วชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177, 179 วรรคท้าย จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้งดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัย

พิพากษายืน

Share