คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2109/2543

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามคำขอเปิดบัญชีกระแสรายวันของจำเลย ระบุเงื่อนไขในการสั่งจ่ายและถอนเงินจากบัญชีว่าเมื่อจะสั่งจ่ายหรือถอนเงินให้ใช้เช็คซึ่งธนาคารมอบให้ไว้สำหรับแต่ละบัญชีโดยเฉพาะ จำเลยให้ตัวอย่างลายมือชื่อต่อธนาคารว่าจำเลยหรือ ผ. คนใดคนหนึ่งลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คได้โดยจำเลยในฐานะผู้มอบอำนาจได้ทำหนังสือมอบหมายให้ลงชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็ค ระบุให้ ผ. เป็นผู้มีอำนาจกระทำการทั้งปวงเกี่ยวกับดำเนินบัญชีแทนจำเลย เช่น ฝาก ถอน ออกเช็ค ฯลฯ โดยจำเลยยินยอมรับผิดชอบตามที่ ผ. จะได้กระทำไปและยินยอมรับผิดชดใช้ให้แก่ธนาคารเสมือนหนึ่งจำเลยได้กระทำไปด้วยตนเอง จึงเป็นการมอบอำนาจให้ ผ. เป็นตัวแทนลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คจากบัญชีกระแสรายวันของจำเลยแทนจำเลยได้ เช็คพิพาทเป็นเช็คสำหรับบัญชีกระแสรายวันของจำเลย การที่ ผ. ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาท จึงอยู่ในขอบอำนาจของตัวแทนตามที่ได้รับมอบหมายจากจำเลย ไม่ว่า ผ. จะนำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินจากบัญชีกระแสรายวันของจำเลย หรือส่งมอบเช็คพิพาทให้แก่บุคคลอื่นเพื่อเรียกเก็บเงินจากบัญชีกระแสรายวันของจำเลย ก็เป็นการกระทำการภายในขอบอำนาจที่จำเลยมอบอำนาจไว้ เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยในฐานะตัวการรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาทที่ ผ. ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในฐานะตัวแทนของจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797,820

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2539 บริษัทชัวร์คอร์ปจำกัด นำเช็คธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนประดิพัทธ มาขายลดกับโจทก์ โดยเช็คพิพาททั้งสามฉบับ จำเลยได้มอบอำนาจให้นางผาณิต เหล่าวีระโยธิน เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย จำเลยในฐานะตัวการจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ในกิจการที่นางผาณิตกระทำไปในขอบอำนาจเมื่อเช็คพิพาททั้งสามฉบับถึงกำหนดชำระเงินปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2539 วันที่ 29 เมษายน 2539 และวันที่ 2 พฤษภาคม 2539 ตามลำดับ จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระเงินตามจำนวนที่ระบุในเช็คพิพาททั้งสามฉบับ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ลงในเช็คแต่ละฉบับจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม2539 จำเลยชำระต้นเงินตามเช็คฉบับแรกให้โจทก์บางส่วน คงเหลือต้นเงินตามเช็ค 138,697 บาท เมื่อคำนวณดอกเบี้ยตามยอดเงินคงเหลือในเช็คแต่ละฉบับจนถึงวันฟ้อง คิดเป็นดอกเบี้ยสำหรับเช็คฉบับแรก 3,989.91 บาทฉบับที่สอง 13,359.47 บาท และฉบับที่สาม 11,218.15 บาท รวมเป็นต้นเงินและดอกเบี้ย 499,864.53 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 471,297 บาทนับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยสั่งจ่ายหรือมอบเช็คพิพาททั้งสามฉบับให้บริษัทชัวร์คอร์ป จำกัด ไปขายลดให้แก่โจทก์ และไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใด ๆกับบริษัทชัวร์คอร์ป จำกัด ลายมือชื่อในเช็คพิพาททั้งสามฉบับไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน 499,864.53 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 471,297 บาทนับถัดจากวันที่ 25 เมษายน 2540 ซึ่งเป็นวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในชั้นฎีกาฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 13กันยายน 2538 จำเลยเปิดบัญชีกระแสรายวันเลขบัญชี 016-1-06277-4กับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนประดิพัทธ โดยให้ตัวอย่างลายมือชื่อเจ้าของบัญชีว่าจำเลยหรือนางผาณิต เหล่าวีระโยธิน คนใดคนหนึ่งลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คได้ตามคำขอเปิดบัญชีกระแสรายวันการ์ดตัวอย่างลายมือชื่อบัญชีกระแสรายวันและหนังสือมอบหมายให้ลงชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คเอกสารหมาย จ.9 ถึง จ.11 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2539บริษัทชัวร์คอร์ป จำกัด นำเช็คพิพาททั้งสามฉบับซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายเงินสดหรือผู้ถือโดยนางผาณิตลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายตามเอกสารหมาย จ.3จ.5 และ จ.7 ไปทำสัญญาขายลดต่อโจทก์ ที่สำนักพลับพลาไชย ตามสัญญาขายลดตั๋วเงินเอกสารหมาย จ.2 เมื่อเช็คพิพาทแต่ละฉบับถึงกำหนดชำระเงินปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ได้รับชำระต้นเงินตามเช็คพิพาทฉบับแรกแล้วบางส่วน คงเหลือต้นเงินตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับเป็นเงิน 471,297 บาท

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยจะต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์หรือไม่ จำเลยฎีกาว่าหนังสือมอบหมายให้ลงชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คมีผลผูกพันระหว่างจำเลยกับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนประดิพัทธที่จำเลยยินยอมให้นางผาณิตใช้เงินในบัญชีกระแสรายวันของจำเลยเท่านั้น ไม่มีข้อความใดแสดงว่าจำเลยมอบอำนาจให้นางผาณิตลงลายมือชื่อในเช็คเพื่อมอบให้แก่บริษัทชัวร์คอร์ป จำกัด การที่นางผาณิตสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่บริษัทชัวร์คอร์ปจำกัด ต้องถือว่านางผาณิตชำระหนี้ให้แก่บริษัทชัวร์คอร์ป จำกัด โดยใช้เช็คแทนเงิน นางผาณิตซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อในเช็คจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คและหากหนังสือมอบหมายให้ลงชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คเป็นหนังสือมอบอำนาจก็รับฟังไม่ได้เพราะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมายนั้น เห็นว่า ตามคำเบิกความและฎีกาของจำเลยยอมรับว่าจำเลยได้ทำหนังสือมอบหมายให้ลงชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คเอกสารหมาย จ.11 จริง เพียงแต่โต้แย้งว่าเป็นการยินยอมให้นางผาณิตใช้เงินในบัญชีกระแสรายวันของจำเลยเท่านั้น ดังนั้นแม้หนังสือมอบหมายให้ลงชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คดังกล่าวจะมิได้ปิดอากรแสตมป์ คดีก็ฟังได้ว่าจำเลยได้ทำหนังสือมอบหมายให้นางผาณิตลงชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คแล้ว ตามคำขอเปิดบัญชีกระแสรายวันของจำเลยเอกสารหมาย จ.9 ระบุเงื่อนไขในการสั่งจ่ายและถอนเงินจากบัญชีว่าเมื่อจะสั่งจ่ายหรือถอนเงินให้ใช้เช็คซึ่งธนาคารมอบให้ไว้สำหรับแต่ละบัญชีโดยเฉพาะ จำเลยให้ตัวอย่างลายมือชื่อต่อธนาคารว่าจำเลยหรือนางผาณิตคนใดคนหนึ่งลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คได้โดยจำเลยในฐานะผู้มอบอำนาจได้ทำหนังสือมอบหมายให้ลงชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คเอกสารหมาย จ.11 ระบุให้นางผาณิตเป็นผู้มีอำนาจกระทำการทั้งปวงเกี่ยวกับดำเนินบัญชีแทนจำเลย เช่น ฝาก ถอน ออกเช็ค ฯลฯ โดยจำเลยยินยอมรับผิดชอบตามที่นางผาณิตจะได้กระทำไปและยินยอมรับผิดชดใช้ให้แก่ธนาคารเสมือนหนึ่งจำเลยได้กระทำไปด้วยตนเองจึงเป็นการมอบอำนาจให้นางผาณิตเป็นตัวแทนลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คจากบัญชีกระแสรายวันของจำเลยแทนจำเลยได้เช็คพิพาททั้งสามฉบับเป็นเช็คสำหรับบัญชีกระแสรายวันของจำเลย การที่นางผาณิตลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสามฉบับจึงอยู่ในขอบอำนาจของตัวแทนตามที่ได้รับมอบหมายจากจำเลย ไม่ว่านางผาณิตจะนำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินจากบัญชีกระแสรายวันของจำเลยหรือส่งมอบเช็คพิพาทให้แก่บริษัทชัวร์คอร์ป จำกัด หรือบุคคลอื่นเพื่อเรียกเก็บเงินจากบัญชีกระแสรายวันของจำเลยก็เป็นการกระทำการภายในขอบอำนาจที่จำเลยมอบอำนาจไว้ ดังนั้นเมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยในฐานะตัวการรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับที่นางผาณิตลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในฐานะตัวแทนของจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797, 820 และเห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องฟ้องบังคับให้จำเลยในฐานะตัวการรับผิดตามเนื้อความในเช็คต่อผู้ทรงเช็ค มิได้ฟ้องตามมูลหนี้ที่นางผาณิตสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสามฉบับให้แก่บริษัทชัวร์คอร์ป จำกัด ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว”

พิพากษายืน

Share