คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3259/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การซื้อขายสัตว์พาหนะถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมตกเป็นโมฆะ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคแรก เมื่อผู้ร้องซื้อโคของกลางซึ่งเป็นสัตว์พาหนะมา แต่การซื้อขายมิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย กรรมสิทธิ์จึงยังไม่โอนมาเป็นของผู้ร้องทั้งผู้ร้องยังมิได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ผู้ร้องจึงไม่เป็นเจ้าของแท้จริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36ที่จะขอให้ศาลสั่งคืนโคของกลางที่ถูกริบแก่ผู้ร้อง

ย่อยาว

เนื่องจากศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯริบไม้ เกวียน โคผู้ 2 ตัวของกลาง ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนเกวียนและโคของกลางศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คืนเฉพาะเกวียนของกลางแก่ผู้ร้องส่วนคำขอให้คืนโคให้ยก ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าโคผู้ 2 ตัวของกลางเป็นสัตว์พาหนะ ตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ 2482 มีตั๋วรูปพรรณที่นายทะเบียนออกให้มีชื่อนายใจ และนางสมควรเป็นเจ้าของเมื่อประมาณ 3 ปี ก่อนยื่นคำร้อง นายเล็ก บุญภักดิ์ดี ไปซื้อมาจากจังหวัดตาก แล้วนำมาขายต่อให้ผู้ร้อง โดยมิได้มีการจดทะเบียนโอนตั๋วรูปพรรณ ยังติดชื่อนายใจ นางสมควรเจ้าของเดิมอยู่ ผู้ร้องได้ชำระราคาแก่นายเล็กผู้ขาย รับตั๋วรูปพรรณมาและครอบครองอย่างเป็นเจ้าของผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่าผู้ร้องมีสิทธิขอให้ศาลสั่งคืนโคของกลางได้หรือไม่

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การซื้อขายสัตว์พาหนะถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมตกเป็นโมฆะ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคแรก เมื่อปรากฏว่าผู้ร้องซื้อโคของกลางซึ่งเป็นสัตว์พาหนะมา แต่การซื้อขายมิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย กรรมสิทธิ์จึงยังไม่โอนมาเป็นของผู้ร้องทั้งผู้ร้องยังมิได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี จึงไม่มีปัญหาว่าจะได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 หรือไม่ ผู้ร้องจึงไม่เป็นเจ้าของแท้จริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ที่จะขอให้ศาลสั่งคืนโคของกลางแก่ผู้ร้อง ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของผู้ร้องศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share