คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3075/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยและบุตรคนอื่นของ อ. ต่างได้แบ่งแยกกันครอบครองที่ดินโฉนดแปลงเดียวกัน เป็นส่วนสัดตามที่ อ. ชี้แบ่งเขตให้ แต่ละคนมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเฉพาะส่วนที่ได้ครอบครองมา เมื่อโจทก์ได้ครอบครองที่ดินเฉพาะส่วนที่ได้รับแบ่งแยกมาตั้งแต่ก่อน อ. ถึงแก่กรรมและได้ใช้ทางเดินผ่านเข้าออกจากที่บ้านไปสู่ถนน โดยผ่านที่ดินที่จำเลยทั้งสองครอบครองอยู่มาตั้งแต่แรกเกินกว่า 10 ปีแล้ว ทางเดินดังกล่าวจึงตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์โดยอายุความ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองเปิดทางภารจำยอมโดยมิได้เรียกค่าเสียหาย เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า เขตที่ดินจำเลยที่ 1 ที่ 2 ครอบครองอยู่เป็นสัดส่วน มีความกว้าง 1 วา ยาว 27 วา ตามแนวเส้นประสีแดงในแผนที่พิพาท ซึ่งอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 11116 ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์จำเลยทั้งสองตกเป็นภารจำยอม ให้จำเลยทั้งสองเปิดทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะสายสุพรรณบุรี – ชัยนาท ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันไปจดทะเบียนภารจำยอมสำหรับทางดังกล่าว ณ สำนักงานที่ดิน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เดิมนายอ๋อ โพธิสุเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 11116 ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี นายอ๋อ โพธิสุ ถึงแก่กรรมมาประมาณ 20 กว่าปีแล้ว โจทก์ จำเลยทั้งสอง และผู้มีชื่ออื่นรวม 6 คนซึ่งเป็นบุตร ได้ร้องขอโอนรับมรดกเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2512 โจทก์ จำเลยทั้งสอง และผู้มีชื่ออื่นรวม 6 คนจึงเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 11116 ร่วมกัน โจทก์ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินเข้าออกไปสู่ถนนสุพรรณบุรี – ชัยนาท มาเกินกว่า 10 ปีแล้ว” ฯลฯ

ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 11116 ยังไม่ได้แบ่งแยกกันครอบครองเป็นส่วนสัดนั้น พิเคราะห์แล้ว ฝ่ายโจทก์มีตัวโจทก์ นางจำรูญ สังฆะรักษ์ นางจำรัส สำราญใจ และนายประพันธ์ อุ่นใจ เบิกความว่าโจทก์ จำเลยทั้งสอง และบุตรคนอื่น ๆ ของนายอ๋อ โพธิสุ ต่างแบ่งแยกกันครอบครองที่ดินกันเป็นส่วนสัดแล้ว ทั้งในการเสียภาษีที่ดินสำหรับที่ดินโฉดเลขที่ 11116 นี้ โจทก์ นางจำรูญ สังฆะรักษ์ นางจำรัส สำราญใจ และนางระเบียบ โพธิสุ ต่างเบิกความว่า ได้เสียภาษีที่ดินตามส่วนที่แต่ละคนครอบครอง จำเลยที่ 1 เบิกความตอบทนายโจทก์ค้านว่า เมื่อเสียภาษีที่ดินได้รับใบเสร็จรับเงินคนละใบ จำเลยที่ 2 ตอบทนายโจทก์ค้านว่า ทุกคนต่างเสียภาษีที่ดินเฉพาะเท่าที่ครอบครองคำเบิกความของจำเลยทั้งสองจึงเจือสมถ้อยคำพยานโจทก์ นอกจากนั้นเมื่อทางราชการสร้างสถานีอนามัยโพธิ์พระยา นางจำรูญ สังฆะรักษ์ ได้อุทิศที่ดินเฉพาะส่วนของตนเนื้อที่ 26 ตารางวาในโฉนดเลขที่ 11116 ให้แก่ทางราชการเมื่อ พ.ศ. 2503 ก็ไม่มีผู้ใดคัดค้าน ข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่า โจทก์จำเลยทั้งสอง และบรรดาบุตรคนอื่นของนายอ๋อ โพธิสุ ต่างได้แบ่งแยกกันครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 11116 กันเป็นส่วนสัดตามที่นายอ๋อ โพธิสุ ชี้แบ่งเขตให้ เมื่อโจทก์ได้ครอบครองที่ดินเฉพาะส่วนที่ได้รับแบ่งแยกมาตั้งแต่ก่อนนายอ๋อ โพธิสุ ถึงแก่กรรมและได้ใช้ทางเดินผ่านเข้าออกจากที่บ้านไปสู่ถนนสายสุพรรณบุรี – ชัยนาท โดยผ่านที่ดินที่จำเลยทั้งสองครอบครองอยู่มาตั้งแต่แรกเกินกว่าสิบปีแล้ว ทางเดินดังกล่าวจึงตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์

ที่จำเลยทั้งสองฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าสามยทรัพย์กับภารยทรัพย์ไม่ใช่ที่ดินต่างเจ้าของ กล่าวคือเป็นที่ดินโฉนดแปลงเดียวกันจึงไม่อาจจดทะเบียนเป็นภารจำยอมได้นั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า แม้กฎหมายจะสันนิษฐานว่าผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์รวมกันในโฉนดที่ดินแปลงเดียวกันเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมกันก็ตามแต่เมื่อข้อเท็จจริง ปรากฏว่าโจทก์จำเลยทั้งสองและผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดดังกล่าว ต่างได้แบ่งแยกกันครอบครองที่ดินเป็นสัดส่วนมาเกินกว่าสิบปีแล้ว โจทก์ จำเลยทั้งสองและผู้มีชื่อแต่ละคนนั้นจึงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเฉพาะส่วนที่ได้ครอบครองมา เมื่อโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินที่จำเลยทั้งสองครอบครองเป็นทางเดินเข้าออกไปสู่ถนนสายสุพรรณบุรี – ชัยนาท มาเกินกว่า10 ปีแล้ว ทางพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินส่วนที่จำเลยทั้งสองครอบครองอยู่ จึงตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินส่วนของโจทก์โดยอายุความได้

ที่จำเลยทั้งสองฎีกาปัญหาข้อกฎหมายอีกว่า คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์นั้นพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้โจทก์ตั้งรูปคดีฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองเปิดทางภารจำยอมโดยมิได้เรียกร้องค่าเสียหายจึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์”

พิพากษายืน

Share