คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำพิพากษาที่ว่าหากจำเลยไม่รื้อถอนอาคารไป ก็ให้โจทก์รื้อถอนแทน โดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่าย เป็นวิธีการบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษา ที่ให้จำเลยรื้อถอนอาคารไป ดังที่บัญญัติไว้ ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 213 คำพิพากษาจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองและบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 5745 รวมทั้งรื้อถอนอาคารเลขที่ 498 และอาคารอื่น ๆ ออกไปด้วยห้ามเข้าเกี่ยวข้องอีกต่อไป หากจำเลยไม่รื้อถอนอาคารไป ก็ให้โจทก์รื้อถอนแทนโดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่าย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามคำสั่งและคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นพิพากษาว่าหากจำเลยไม่รื้อถอนอาคารไป ก็ให้โจทก์รื้อถอนแทนโดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่าย เป็นการไม่ชอบ เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มิได้ให้อำนาจศาลที่จะพิพากษาดังกล่าวได้นั้น เห็นว่าคำพิพากษาดังกล่าวเป็นวิธีการบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาที่ให้จำเลยรื้อถอนอาคารออกไปดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 213 ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 3194-3117/2522 ระหว่าง กรมการศาสนา โจทก์ นางสุวรรณี ลีละวัฒนากุลกับพวก จำเลย คำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวชอบแล้ว”

พิพากษายืน

Share