คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2240/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยมีเครื่องชั่งไว้ในความครอบครองโดยมีเจตนาอย่างใด จึงขาดองค์ประกอบความผิด แต่โจทก์ได้บรรยายถึงความผิดฐานใช้เครื่องชั่งที่ผิดอัตราและไม่ถูกต้องตามความประสงค์ของกฎหมาย ซึ่งเป็นความผิดต่างกรรมกันการที่จะพิจารณาว่าคำบรรยายฟ้องในความผิดฐานใดครบองค์ประกอบความผิดหรือไม่ต้องพิจารณาเป็นรายกระทง คำบรรยายฟ้องในความผิดฐานมีเครื่องชั่งผิดอัตราและไม่ถูกต้องตามความประสงค์ของกฎหมายจึงไม่สมบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) จะลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ไม่ได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นลงโทษฐานมีเครื่องชั่งไม่ถูกต้องและผิดอัตราตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 6 เดือน ฐานใช้เครื่องชั่งที่ไม่ถูกต้องและผิดอัตราตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 1 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก6 เดือน ริบของกลางศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยผิดฐานใช้เครื่องชั่งที่ไม่ถูกต้องและผิดอัตรา จำคุก 6 เดือน ปรับ 1,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุก3 เดือน ปรับ 500 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ริบของกลาง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ตามปัญหาที่โจทก์ฎีกา ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 270 บัญญัติไว้ความว่า ผู้ใดมีไว้เพื่อใช้ซึ่งเครื่องชั่งที่ผิดอัตราเพื่อเอาเปรียบในการค้า หรือมีเครื่องเช่นว่านั้นไว้เพื่อขาย เป็นความผิดต้องระวางโทษ และพระราชบัญญัติระวางโทษ และพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 มาตรา 31 บัญญัติไว้ความว่า ผู้ใดมีเครื่องชั่งซึ่งไม่ถูกต้องตามความประสงค์ทุกประการของพระราชบัญญัตินี้ ไว้ในความปกครองของตนเพื่อใช้ในกิจการต่อเนื่องกับผู้อื่น หรือในพาณิชยกิจใด ๆ ก็ดี เป็นความผิดต้องระวางโทษ ศาลฎีกาเห็นว่าตามบทกฎหมายดังกล่าว การมีเครื่องชั่งที่ผิดอัตราหรือไม่ถูกต้องตามความประสงค์ของกฎหมายไว้ในความครอบครองจะเป็นความผิดก็ต่อเมื่อเป็นการมีไว้เพื่อเอาเปรียบในการค้า หรือเพื่อขายหรือเพื่อใช้ในกิจการต่อเนื่องกับผู้อื่น หรือในพาณิชยกิจใด ๆ แต่ตามคำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีเครื่องชั่งไว้ในความครอบครองโดยมีเจตนาอย่างใด จึงขาดองค์ประกอบความผิด แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องในตอนหลังว่า “โดยจำเลยได้ใช้เครื่องชั่งดังกล่าวนี้ทำการชั่งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ตลาดอำเภอบางปะอินในกิจการค้าอันต่อเนื่องกับผู้อื่นและในพาณิชยกิจของจำเลยโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเครื่องชั่งที่ผิดอัตราและเพื่อเอาเปรียบในการค้า”ก็เป็นเรื่องที่โจทก์บรรยายถึงความผิดฐานใช้เครื่องชั่งที่ผิดอัตราและไม่ถูกต้องตามความประสงค์ของกฎหมายซึ่งเป็นความผิดต่างกรรมกัน การที่จะพิจารณาว่าคำบรรยายฟ้องในความผิดฐานใดครบองค์ประกอบความผิดหรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นรายกระทง เมื่อคำบรรยายฟ้องในความผิดมีเครื่องชั่งผิดอัตราและไม่ถูกต้องตามความประสงค์ของกฎหมายขาดองค์ประกอบความผิดดังกล่าวแล้ว จึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ศาลอุทธรณ์ไม่ลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ชอบแล้ว”

พิพากษายืน

Share