คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีแรกเป็นคดีฟ้องว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ แล้วยอมความกัน จำเลยออกเช็คใช้หนี้ในคดีนั้น เช็คนั้นธนาคารไม่จ่ายเงิน เป็นความผิดคนละกรรมกัน

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ฯ จำคุกจำเลย 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ประเด็นแรกที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าฟ้องของโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1967/2520 ของศาลแขวงพระนครเหนือ ซึ่งโจทก์ฟ้องว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ เพราะเป็นมูลหนี้เดียวกันนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วเป็นอันยุติว่า โจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของห้างจำเลยที่ 1 ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนห้างจำเลยที่ 1 ต่อศาลแขวงพระนครเหนือในข้อหายักยอกทรัพย์ ในที่สุดได้ตกลงประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยที่ 2 ได้สั่งจ่ายเช็คของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ 24 ฉบับ เป็นเงินรวม 2,885,246 บาท ต่อมาเช็คฉบับที่ 1 ถึงกำหนด โจทก์นำไปขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยที่ 2 จึงได้สั่งจ่ายเช็คของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ใหม่จำนวน 23 ฉบับ เช็คที่โจทก์นำมาฟ้องคดีนี้คือเช็ค 2 ฉบับใน 23 ฉบับดังกล่าว ที่จำเลยฎีกาว่าคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคดีก่อนที่ฟ้องเป็นเรื่องยักยอก ส่วนคดีนี้เป็นเรื่องออกเช็คโดยเจตนาไม่ใช้เงิน ซึ่งเป็นการกระทำต่างกรรมกัน จึงหาเป็นฟ้องซ้ำไม่”

พิพากษายืน

Share