แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลให้แบ่งแยกที่พิพาทออกเป็น 3 ส่วน โดยให้เส้นแบ่งแยกตั้งได้ฉากกับถนน ศาลได้พิพากษาตามยอมไปแล้ว ช่างรังวัดของสำนักงานที่ดินได้ทำการรังวัดปักหลักเขตแบ่งแยกที่ดินให้ตามสัญญายอม โจทก์จำเลยได้ลงชื่อรับรองการรังวัดนั้น ต่อมาโจทก์เห็นว่าเส้นแบ่งเขตไม่ตั้งได้ฉากกับถนนตามสัญญายอมโดยการรังวัดของเจ้าพนักงานคลาดเคลื่อนไป โจทก์มีสิทธิที่จะขอให้ศาลสั่งให้มีการรังวัดตรวจสอบใหม่ได้ ลำพังที่โจทก์จำเลยลงชื่อรับรองการรังวัดนั้น จะถือว่าโจทก์จำเลยรับรองว่าแผนที่ได้ทำขึ้นถูกต้องตามสัญญายอมต้องถือเป็นยุติแล้วหาได้ไม่
สำนักงานที่ดินมีหนังสืออธิบายต่อศาลว่า การรังวัดด้วยวิธีเจาะช่องส่องกล้องและบังธงอาจคลาดเคลื่อนได้ ถ้ารังวัดด้วยกล้องธีโอโดไลท์โดยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางออกให้กล้องสามารถส่องไปถึงจุดที่หมายได้แล้ววัดระยะอีกครั้งหนึ่ง จะได้ความจริงถูกต้องและแน่นอน ศาลชั้นต้นแจ้งให้คู่ความทราบ จำเลยได้ยินยอมให้รังวัดใหม่ด้วยกล้องธีโอโดไลท์ ต่อมาสำนักงานที่ดินมีหนังสือรายงานศาลว่าช่างรังวัดได้รังวัดแบ่งแยกที่ดินด้วยกล้องธีโอโดไลท์ตามสัญญายอมแล้ว ศาลชั้นต้นแจ้งให้คู่ความทราบจำเลยปฏิเสธไม่รับรองการรังวัดครั้งหลัง ศาลชั้นต้นได้สั่งในรายงานกระบวนพิจารณาว่า เจ้าหน้าที่รับรองว่าการรังวัดครั้งหลังใช้วิธีการเครื่องมือที่แน่นอนกว่า คือ ใช้กล้องส่องแทนที่ใช้โซ่ลากอย่างคราวแรก ถือได้ว่าการรังวัดครั้งหลังถูกต้องยิ่งกว่าคราวแรกให้โจทก์จำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกตามที่ได้รังวัดครั้งหลังนี้ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าศาลชั้นต้นได้รับฟังหนังสือรายงานของสำนักงานที่ดินเป็นหลักฐาน พิเคราะห์ในการสั่งเป็นการไต่สวนอยู่แล้ว เห็นว่าศาลชั้นต้นไม่จำต้องทำการไต่สวนอย่างใดต่อไปอีกตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสองและสาม
ย่อยาว
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลให้เจ้าพนักงานที่ดินแบ่งแยกที่พิพาทออกเป็น 3 ส่วน โดยให้เส้นแบ่งแยกเขตที่ดินตั้งได้ฉากกับถนน ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดเจ้าพนักงานที่ดินได้ไปทำการรังวัดคู่ความไปควบคุมการรังวัดและได้ลงชื่อไว้ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดผิดไป โดยเส้นแบ่งแยกไม่ได้ตั้งฉากกับถนน และล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ขอให้รังวัดใหม่ จำเลยแถลงคัดค้านว่าโจทก์ได้รับรองการรังวัดแล้วจึงถือว่าเจ้าพนักงานได้รังวัดโดยถูกต้องแล้ว ศาลชั้นต้นนัดโจทก์จำเลยมาพร้อมกัน โจทก์จำเลยแถลงต่อศาลว่าเป็นเรื่องของเจ้าพนักงานผู้ทำการแบ่งแยก ศาลจึงนัดเจ้าพนักงานผู้รังวัดมาสอบถามพร้อมกัน เจ้าพนักงานผู้รังวัดแถลงว่าได้รังวัดโดยใช้กล้องส่อง ตั้งกล้องที่ถนน กล้องส่องไปได้เพียงครึ่งทางเพราะมีบ้านบังอยู่ได้เจาะช่องแล้วใช้โซ่ลาก จึงอาจคลาดเคลื่อนได้บ้าง ไม่รับรองว่าเส้นตั้งฉากขอตรวจสอบดูอีกครั้งหนึ่งต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินมีหนังสือรายงานศาลว่าทำการรังวัดตรวจสอบใหม่ไม่ได้ เพราะจำเลยไม่ได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างให้ทำการส่องกล้องตามหลักวิชาได้ ตามหลักวิชาการรังวัดด้วยกล้องธีโอโดไลท์ต้องรื้อสิ่งที่กีดขวางให้กล้องส่องถึงจุดหมายได้ แล้ววัดระยะด้วยโซ่อีกครั้งหนึ่ง จึงจะได้ความจริงถูกต้องและแน่นอน ศาลชั้นต้นนัดคู่ความและเจ้าพนักงานรังวัดมาพร้อมกัน ตกลงไปทำการรังวัดด้วยกันโดยจำเลยยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างให้ผู้รังวัดส่องกล้องได้ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินมีหนังสือรายงานศาลว่า เจ้าพนักงานรังวัดตรวจสอบแล้วปรากฏว่า รูปแผนที่ผิดไปจากที่ได้รังวัดครั้งก่อนเล็กน้อย เพราะในการรังวัดตรวจสอบครั้งใหม่นี้ ฝ่ายจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างกีดขวางทางส่องกล้องหมดแล้ว ช่างแผนที่ผู้รังวัดทำการรังวัดให้เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความเสร็จเรียบร้อยแล้ว นัดคู่กรณีไปจดทะเบียนโจทก์ยินยอมจดทะเบียนแบ่งแยกตามหลักฐานแผนที่ซึ่งช่างแผนที่ทำการรังวัดมาแต่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนอ้างว่ารูปแผนที่ซึ่งช่างแผนที่รังวัดใหม่ไม่ตรงกับรูปแผนที่ที่รังวัดไว้เดิม ศาลชั้นต้นนัดคู่ความมาพร้อมกันแจ้งให้ทราบหนังสือของเจ้าพนักงานที่ดิน จำเลยแถลงว่าไม่รับรองการรังวัดครั้งหลัง เพราะรังวัดสองครั้งไม่เหมือนกันจึงถือการรังวัดครั้งแรกเป็นถูกต้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่าเจ้าหน้าที่รับรองว่าการรังวัดครั้งหลังใช้วิธีการและเครื่องมือที่แน่นอนกว่าคือ ใช้กล้องส่อง แทนที่จะใช้โซ่ลากอย่างคราวแรก ถือได้ว่าการรังวัดครั้งหลังถูกต้องยิ่งกว่าคราวแรก มีคำสั่งให้โจทก์จำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกตามที่ได้รังวัดครั้งหลังนี้ หากฝ่ายใดไม่ยอมให้ถือเอาคำพิพากษาตามยอมเป็นการแสดงเจตนา
จำเลยอุทธรณ์ว่า เมื่อโจทก์จำเลยยังโต้เถียงกันอยู่ ศาลชั้นต้นควรจะดำเนินการไต่สวนก่อนมีคำสั่ง ขอให้บังคับโจทก์ไปจดทะเบียนการแบ่งแยกตามหลักฐานที่รังวัดแบ่งแยกในครั้งแรก หรือดำเนินการไต่สวนมีคำสั่งใหม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ลำพังที่โจทก์จำเลยลงชื่อรับรองการรังวัดชั้นรังวัดปักเขตนั้น จะถือว่าโจทก์จำเลยรับรองว่าแผนที่ได้ทำขึ้นตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ต้องถือเป็นยุติแล้วหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ตรวจดูแผนที่ภายหลังเห็นว่าเส้นแบ่งเขตไม่ตั้งได้ฉากกับถนนตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยการรังวัดของเจ้าพนักงานคลาดเคลื่อนไป โจทก์มีสิทธิที่จะขอให้ศาลสั่งให้มีการรังวัดตรวจสอบใหม่ได้
เจ้าพนักงานที่ดินได้มีหนังสืออธิบายต่อศาลว่า การรังวัดโดยใช้วิธีเจาะช่องส่องกล้องและบังธงซึ่งใช้ในการรังวัดครั้งแรกนั้นอาจคลาดเคลื่อนได้ การรังวัดด้วยกล้องธีโอโดไลท์โดยรื้อสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวาง ให้กล้องสามารถส่องไปถึงจุดที่หมายได้เสร็จแล้วทำการวัดระยะด้วยโซ่ จึงจะได้ความจริงถูกต้องและแน่นอน ศาลชั้นต้นได้ให้คู่ความทราบหนังสือนี้แล้ว และโจทก์จำเลยกับช่างรังวัดได้นัดไปรังวัดกันใหม่ จึงแสดงว่าจำเลยได้ยินยอมให้ทำการรังวัดใหม่ด้วยกล้องธีโอโดไลท์ ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินได้มีหนังสือรายงานศาลว่าช่างรังวัดได้ไปทำการรังวัดตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่ารูปแผนที่ผิดไปจากแผนที่ซึ่งทำการรังวัดในครั้งก่อนเล็กน้อย ทั้งนี้เป็นเพราะในการรังวัดวันนั้น คู่กรณีไม่ได้จัดการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางทางส่องกล้อง แต่เมื่อวันทำการรังวัดครั้งใหม่ ฝ่ายจำเลยได้รื้อถอนสิ่งกีดขวางหมดแล้ว ช่างแผนที่จึงทำการรังวัดให้เป็นไปตามสัญญายอมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ศาลชั้นต้นได้ให้โจทก์จำเลยทราบหนังสือนี้แล้ว จำเลยโต้เถียงแต่เพียงว่า ไม่รับรองการรังวัดครั้งหลัง เพราะผู้รังวัดคนเดียวกันรังวัดสองครั้งไม่เหมือนกันจำเลยถือว่าการรังวัดครั้งแรกถูกต้อง จึงไม่เป็นเหตุที่จะหักล้างได้ว่าการรังวัดด้วยกล้องธีโอโดไลท์ ไม่ได้ผลดีกว่าการรังวัดครั้งแรก ทั้งจำเลยมิได้เสนอให้ใช้วิธีการอย่างอื่นที่จะได้ผลเป็นที่เชื่อถือได้แน่นอนกว่าวิธีการใช้กล้องธีโอโดไลท์อย่างใดตามที่ศาลชั้นต้นสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาว่าเจ้าหน้าที่ก็รับรองว่าการรังวัดครั้งหลังใช้วิธีการเครื่องมือที่แน่นอนกว่าคือ ใช้กล้องส่องแทนที่ใช้โซ่ลากอย่างคราวแรก ถือได้ว่าการรังวัดครั้งหลังถูกต้องยิ่งกว่าครั้งแรก ให้โจทก์จำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกตามที่ได้รังวัดครั้งหลังนี้ เห็นได้ว่าศาลชั้นต้นได้รับฟังหนังสือรายงานของสำนักงานที่ดินเป็นหลักฐานพิเคราะห์ในการสั่งเป็นการไต่สวนอยู่แล้ว เห็นว่าศาลชั้นต้นไม่จำต้องทำการไต่สวนอย่างใดต่อไปอีกตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรค 2 และ 3 คำสั่งศาลชั้นต้นชอบด้วยรูปคดีแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน