แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทางพิพาทมีรั้วกั้นมีประตูปิดเปิดเข้าออก จำเลยได้อนุญาตให้โจทก์เดินเข้าออกทางประตูรั้วได้ ทางพิพาทจึงไม่เป็นทางภารจำยอม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์อยู่ติดที่ดินของจำเลย ที่ดินของโจทก์อยู่ในที่ปิดล้อมไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ นอกจากจะผ่านที่ดินของจำเลย เจ้าของเดิมของที่ดินของจำเลยได้เว้นทางไว้ให้โจทก์และบริวารใช้เป็นทางเดิน โจทก์ใช้ที่ดินของจำเลยดังกล่าวเป็นทางผ่านเข้าออกด้วยความสงบ โดยเปิดเผยด้วยเจตนาถือเป็นสิทธิเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี ที่ดินของจำเลยจึงเป็นทางภารจำยอม จำเลยปิดกั้นทางผ่าน ขอให้พิพากษาว่าทางพิพาทเป็นภารจำยอม ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางทางภารจำยอมออกไป
จำเลยให้การว่า ทางพิพาทเป็นทางที่จำเลยทำรั้วกั้นตามแนวเขตที่ดินของจำเลย มีประตูทางเข้าไว้ทางรั้วที่ติดกับทางสาธารณะมาประมาณ 30 ปีแล้วจำเลยอนุญาตให้โจทก์ผ่านเข้าออกทางประตูรั้วเพราะเป็นญาติกัน ต่อมาจำเลยรื้อถอนรั้วและสร้างใหม่ตามแนวรั้วเดิมเว้นช่องไว้สำหรับทำประตูเข้าออกห่างออกไปจากประตูเดิมประมาณ 1 เมตร จำเลยไม่ได้ปิดกั้นทาง โจทก์ยังคงอาศัยผ่านเข้าออกได้เช่นเดิม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าทางพิพาทไม่เป็นทางภารจำยอม พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ทางพิพาทมีรั้วกั้นมีประตูปิดเปิดเข้าออก และจำเลยได้อนุญาตให้โจทก์เดินเข้าออกทางประตูรั้วนี้ได้ วินิจฉัยว่าทางพิพาทไม่เป็นทางภารจำยอม
พิพากษายืน