แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การพิจารณารอการลงโทษต้องแยกพิจารณาโทษจำคุกแต่ละกระทงมิใช่เอาโทษจำคุกทุกกระทงมารวมกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้สักซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นต้นกำลัง 1 โรง ทำการแปรรูปไม้สักเพื่อการค้าและมีไม้สักแปรรูปแล้วจำนวน 111 แผ่น ปริมาตร 0.48 ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุยกเว้นโทษตามกฎหมาย เหตุเกิดภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ซึ่งมีการปิดประกาศตามกฎหมายและจำเลยทราบประกาศแล้ว ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 48, 73, 74, 74 ทวิ, 74 จัตวา ฯลฯ ริบของกลางและจ่ายสินบนนำจับ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สักจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาท ฐานแปรรูปไม้สัก จำคุก 2 ปี ปรับ 40,000บาท ฐานมีไม้สักแปรรูป จำคุก 2 ปี ปรับ 24,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก จำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท ฐานแปรรูปไม้สัก จำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท ฐานมีไม้สักแปรรูป จำคุก 1 ปี ปรับ 12,000 บาท รอการลงโทษจำคุกความผิดแต่ละฐานไว้มีกำหนด 2 ปี ริบของกลาง จ่ายสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยสถานเดียวและให้บังคับคดีไปโดยไม่รอการลงโทษ ไม่จ่ายสินบนนำจับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง การที่จะพิจารณารอการลงโทษนั้นเห็นว่าต้องแยกพิจารณาโทษจำคุกแต่ละกระทงมิให้เอาโทษจำคุกทุกกระทงมารวมกัน คดีนี้ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 กระทง ๆ ละ1 ปี โทษจำคุกจึงไม่เกิน 2 ปี ศาลรอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ได้ พฤติการณ์ของจำเลยปรากฏว่าทำการแปรรูปไม้สักเพื่อการค้าคดีไม่มีเหตุผลที่จะรอการลงโทษ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน