คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 579/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขอคืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 เป็นส่วนหนึ่งของคดีอาญา เมื่อผู้ร้องอ้างว่าของกลางที่ถูกศาลสั่งริบเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดด้วย ก็เป็นหน้าที่ของผู้ร้องจะต้องนำสืบให้ได้ความตามที่กล่าวอ้างแม้โจทก์จะไม่ได้คัดค้านไว้ โจทก์ก็ยังมีสิทธินำพยานเข้าสืบหักล้างข้อกล่าวอ้างของผู้ร้องได้ในเมื่อโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุอ้างพยานและศาลได้อนุญาตให้โจทก์นำสืบโดยชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความว่าด้วยการระบุอ้างพยานหลักฐานแล้ว (อ้างฎีกาที่ 1263/2513)

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ตามพระราชบัญญัติป่าไม้และริบรถยนต์บรรทุก 4 ล้อของกลาง ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องว่ารถยนต์ดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลย ขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง

โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วไม่ได้ยื่นคำคัดค้าน

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ฟังข้อเท็จจริงว่ารถยนต์ของกลางไม่ใช่ของผู้ร้องส่วนที่ผู้ร้องฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า เมื่อโจทก์ได้ทราบคำร้องแล้ว ไม่ได้ยื่นคำคัดค้านจึงไม่มีประเด็นที่จะสืบหักล้างข้ออ้างของผู้ร้องนั้น เห็นว่าการขอคืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 เป็นส่วนหนึ่งของคดีอาญาเมื่อผู้ร้องอ้างว่ารถยนต์ของกลางที่ถูกศาลสั่งริบเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดด้วยก็เป็นหน้าที่ของผู้ร้องจะต้องนำสืบให้ได้ความตามที่กล่าวอ้าง แม้โจทก์จะไม่ได้คัดค้านไว้โจทก์ก็ยังมีสิทธินำพยานเข้าสืบหักล้างข้อกล่าวอ้างของผู้ร้องได้ในเมื่อได้ยื่นบัญชีระบุพยาน และศาลได้อนุญาตให้โจทก์นำสืบโดยชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความว่าด้วยการระบุอ้างพยานหลักฐานแล้ว

พิพากษายืน

Share