แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยแบ่งที่ดินออกเป็น 6 แปลง แปลงหนึ่งขายให้โจทก์ยอมให้โจทก์ใช้ถนนในที่ดินออกสู่ถนนใหญ่ แม้ข้อสัญญานี้จะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อตกลงนี้เป็นบุคคลสิทธิที่ใช้บังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญา เมื่อโจทก์ได้เข้าอยู่ในที่ดินที่ซื้อและได้ใช้รถขนสินค้าเข้าไปยังร้านค้าในที่ที่โจทก์ซื้อนั้น ต่อมาจำเลยเอาไม้เสามาปักบนถนนกั้นไม่ให้โจทก์ใช้รถเข้าออกเช่นที่เคย ย่อมเป็นการผิดข้อสัญญา โจทก์มีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยรื้อได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจัดสรรแบ่งที่ดินของจำเลยเป็น 6 แปลงเพื่อขายและโฆษณาว่าที่ดินดังกล่าวมีถนนรถยนต์เข้าได้ มีน้ำประปา ไฟฟ้าพร้อมโจทก์ได้ซื้อไว้ 1 แปลงและเข้าอยู่ตั้งแต่ปี 2515 แรก ๆ โจทก์ได้ใช้ถนนของจำเลยออกสู่ถนนใหญ่ ครั้นปี 2519 จำเลยได้ใช้ไม้มาปักกั้นและทำรั้วบ้านรุกล้ำเข้ามากลางถนน เป็นเหตุให้รถยนต์เข้าออกไม่ได้ ทั้งยังไม่จัดการปักเสาพาดสายไฟฟ้า ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรื้อไม้เสาจดทะเบียนภารจำยอมและชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ กับให้ปักเสาพาดสายไฟฟ้าให้ใช้ได้ด้วย
จำเลยให้การว่าไม่ได้แบ่งที่ดินขายและไม่ได้สัญญาดังโจทก์ฟ้องถนนที่ทำไว้เพื่อประโยชน์ของจำเลยเองที่จำเลยกั้นไว้ก็เพื่อไม่ให้เป็นถนนสาธารณะ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ถนนพิพาทจำเลยทำขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามสัญญาซื้อขายที่ดิน โจทก์มีสิทธิใช้ จำเลยไม่มีอำนาจปิดกั้น พิพากษาให้จำเลยรื้อรั้วบ้านและเสาไม้กั้นถนนออก คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยรื้อเฉพาะเสาไม้ที่ปักกั้นถนน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยได้แบ่งขายที่ดินตามฟ้อง โจทก์ซื้อไว้หนึ่งแปลงจำเลยตกลงให้ผู้ซื้อที่ดินใช้ถนนในที่ดินออกสู่ถนนใหญ่ โจทก์ได้เข้าอยู่ในที่ดินที่ซื้อและได้เปิดเป็นร้านค้านำสินค้าบรรทุกรถยนต์เข้ามาเพื่อขายในร้าน หลังจากจำเลยมีเรื่องทะเลาะกับโจทก์ จำเลยได้เอาไม้เสามาปักกั้นถนนไม่ให้รถยนต์เข้าถึงบ้านโจทก์ ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่าข้อตกลงดังกล่าวแม้มิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นทรัพย์สิทธิก็ยังเป็นบุคคลสิทธิใช้ได้ระหว่างคู่สัญญาคือโจทก์จำเลยโจทก์มีสิทธิใช้ถนนพิพาท เมื่อจำเลยปิดกั้นก็เป็นการผิดสัญญา โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยให้รื้อได้ที่จำเลยอ้างว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์มีสิทธิที่จะปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนให้สิ้นไปจากผู้ที่ใช้สิทธิของตนเป็นเหตุให้จำเลยเสียหายโดยอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336, 1337หาฟังได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแพ้คดี ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน