แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำสั่งศาลที่ให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์จำเลย เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 8 และพิพากษาเมื่อวันที่ 24 เดือนเดียวกัน แต่จำเลยก็มิได้โต้แย้งไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งดังกล่าว ทั้งปัญหานี้มิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนอันศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
บรรยายฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ ค่าเช่าเดือนละ 200 บาทครบกำหนดอายุการเช่าตามกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกจากตึกที่เช่า จำเลยได้รับแล้วแต่ไม่ออก ทำให้โจทก์เสียหาย จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลย ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ข้อความในสัญญาเช่าที่ว่า โจทก์ยินยอมอนุญาตให้จำเลยปลูกครัวในที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่นอกอาคารที่เช่าได้หนึ่งหลัง ถ้าโจทก์ต้องการที่ดินในส่วนนั้นเมื่อใดจำเลยจะรื้อถอนครัวออกทันที ถ้าจำเลยผิดสัญญาคือไม่รื้อไปโจทก์จะเลิกสัญญาเช่าทันที ดังนี้ หามีผลทำให้สัญญาเช่าเดิมกลายเป็นสัญญาต่างตอบแทนไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ตั้งแต่ 1 มกราคม 2516ค่าเช่าเดือนละ 200 บาท ได้ทำสัญญาเช่ากันมีกำหนดการเช่า 7 ปี แต่มิได้จดทะเบียนการเช่า จึงมีผลเพียง 3 ปีนับแต่วันเช่า สัญญาเช่าจึงสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2519 โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไป จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้พิพากษาให้จำเลยกับบริวารออกจากทรัพย์ที่เช่าพร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สินไปด้วย ห้ามมิให้เกี่ยวข้องต่อไป ให้เสียค่าตอบแทนหรือค่าเช่าหรือค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 200 บาท นับแต่วันฟ้องถึงวันที่จำเลยและบริวารออกไปและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่เช่า
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า สัญญาเช่าจะครบกำหนดในวันที่ 31ธันวาคม 2523 โดยโจทก์อนุญาตให้จำเลยปลูกครัวไฟไว้นอกตัวอาคารได้หนึ่งหลังโดยเขียนเพิ่มเติมในสัญญาเช่า จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทน โจทก์ต้องให้จำเลยเช่าอยู่จนครบ 7 ปี หนังสือบอกกล่าวของโจทก์มิได้กล่าวถึงว่าโจทก์ต้องการที่ดินนอกอาคาร ฟ้องโจทก์จึงขาดอ้างอันเป็นหลักแห่งข้อหา เป็นฟ้องเคลือบคลุม โจทก์มิได้รับความเสียหาย เพราะได้รับค่าเช่าครบถ้วนเสมอมา ขอให้ยกฟ้อง และให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าให้จำเลยได้เช่าที่ดินนอกอาคารและตึกที่เช่าจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2523
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า การที่จำเลยขอทำครัวไฟและทำขึ้นเพื่อความสะดวกสบายในการใช้สอยทรัพย์ที่เช่า หาเป็นสัญญาต่างตอบแทนไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องแย้ง และให้จำเลยและบริวารออกไปจากทรัพย์ที่เช่า พร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สินออกไปด้วย ให้ชำระค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 200 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารออกไปและขนย้ายทรัพย์สินออกจากทรัพย์ที่เช่า
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า การที่ศาลได้กำหนดวันชี้สองสถานแล้วกลับงดเสียและนัดฟังคำพิพากษาไปเลยย่อมไม่ถูกต้อง และปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยไม่จำต้องคัดค้านศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้นั้น เห็นว่าคำสั่งศาลที่ให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์จำเลย เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา คดีนี้ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2521 และพิพากษาชี้ขาดคดีเมื่อวันที่ 24 เดือนเดียวกันแต่จำเลยก็มิได้โต้แย้งไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่ง ทั้งปัญหานี้มิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คดีนี้เป็นคดีโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวที่เช่า และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายในการที่จำเลยยังคงอยู่ในตึกแถวของโจทก์นับแต่วันฟ้องถึงวันจำเลยออกไปจากตึกแถวนั้นเท่าจำนวนค่าเช่า บรรยายฟ้องว่าจำเลยเช่าตึกแถวค่าเช่าเดือนละ 200 บาท ครบกำหนดอายุการเช่าตามกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกจากตึกที่เช่า จำเลยได้รับแล้วแต่ไม่ออก ทำให้โจทก์เสียหาย จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยดังกล่าวมา เป็นการบรรยายฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหารวมทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้น ตลอดจนคำขอบังคับถูกต้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฎีกาของจำเลยที่ว่า สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนตามความที่โจทก์ได้บันทึกต่อเติมลงในสัญญาเช่าข้อที่ 9 นั้น เห็นว่า ข้อความตามที่จำเลยอ้างซึ่งมีความว่า โจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่ายินยอมอนุญาตให้จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าปลูกครัวในที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่นอกอาคารที่เช่าได้หนึ่งหลังโดยจำเลยสัญญาว่าถ้าโจทก์ต้องการที่ดินในส่วนนั้นเมื่อใด จำเลยจะรื้อถอนครัวที่ปลูกขึ้นไว้ออกไปทันที ถ้าจำเลยผิดสัญญานี้คือไม่รื้อไป โจทก์จะเลิกสัญญาเช่าทันที เป็นข้อตกลงที่โจทก์ยอมให้จำเลยอาศัยที่ดินของโจทก์เป็นที่ปลูกครัวระยะเวลาหนึ่ง และให้รื้อไปในเมื่อโจทก์ต้องการใช้ที่ดินส่วนนั้นเท่านั้นเอง หามีผลทำให้สัญญาเช่าเดิมกลายเป็นสัญญาต่างตอบแทนไม่
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่เคยติดค้างค่าเช่า โจทก์จึงไม่เสียหายเห็นว่า ความข้อนี้ไม่ใช่ประเด็นที่โต้เถียงกัน เพราะโจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าเช่าหรือค่าเสียหายก่อนวันฟ้องจากจำเลย ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยอยู่ในห้องพิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าไม่เป็นการทำละเมิดโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย และเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว โจทก์ยังเก็บค่าเช่าจากจำเลย จึงถือได้ว่าการเช่ายังไม่สิ้นสุด จึงบอกเลิกการเช่าไม่ได้นั้น เห็นว่าข้อความดังกล่าวมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นมาว่ากันในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน